3 จูบทักทาย   1/    
已经是第一章了
3 จูบทักทาย
รุ่งเช้าวันต่อมาละอองดาวก็มีโอกาสได้เข้าไปที่บริษัท คานัน จิวเวลรี่ จำกัด ไอย์รายาพาหญิงสาวเดินชมรอบๆ บริษัท ตามแผนกต่างๆ จนทั่ว รวมทั้งห้องทำงานส่วนตัวสุดหรูของไอย์รายาที่บิดาของหล่อนสั่งจัดเตรียมเอาไว้ให้ลูกสาวคนเดียว ซึ่งเรียนจบปริญญาโทสาขาการออกแบบเครื่องประดับจากอเมริกาและกำลังจะกลับมารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการแผนกออกแบบเครื่องประดับในต้นเดือนหน้าด้วย หลังจากที่ได้เที่ยวชมจนทั่วทั้งบริษัทแล้วไอย์รายาก็พาเธอเดินออกมานั่งรับประทานอาหารกลางวันที่ร้านอาหารภายในตัวเมืองศิขรัฐในย่านของชาวเผ่าคานัน เมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้วไอย์รายาก็พาละอองดาวไปเดินดูสินค้าพื้นเมืองทั้งตามร้านรวงและตามแผงลอยที่ชาวบ้านนำมาวางขาย ซึ่งก็สร้างความตื่นเต้นให้ละอองดาวเป็นอันมาก หญิงสาวเดินดูข้าวของต่างๆ ด้วยความเพลิดเพลินและเลือกซื้อของที่ระลึกหลายชิ้น เพื่อนำไปฝากบิดามารดาและญาติๆ ที่เมืองไทย คีรีมันต์แอบยืนดูร่างโปร่งระหงในชุดเสื้อยืดคอวีเข้ารูปแขนสามส่วนสีฟ้าสดใสกับกางเกงยีนขายาวทรงเดฟที่เน้นช่วงขาเรียวงามของละอองดาว ที่กำลังก้าวเดินอย่างทะมัดทะแมงเข้าออกร้านโน้นร้านนี้และซื้อข้าวของอย่างสนุกสนานด้วยแววตาเอ็นดู เธอยังคงเป็นผู้หญิงที่คล่องแคล่ว ปราดเปรียวและดูเท่ในแบบผู้หญิงอย่างที่เขาเคยเห็นเมื่อหลายปีก่อนไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด ใบหน้าสวยหวานละมุนละไมแย้มยิ้มอย่างมีความสุข ขณะที่เรือนผมยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อนเป็นลอนน้อยๆ ถูกผูกรวบเป็นหางม้ากวัดแกว่งไปมาอยู่ตลอดเวลา ตามจังหวะการก้าวเดินของหญิงสาว “แทนที่คานันซาจะมายืนแอบดูอยู่ไกลๆ แบบนี้ ทำไมไม่ไปพบกับคุณผู้หญิงคนนั้นเลยล่ะครับ” เสียงฮาซาลซึ่งยืนอยู่ทางด้านหลังของคีรีมันต์เอ่ยปากถามขึ้น ชายหนุ่มจึงละสายตาจากร่างระหงที่เขาแอบมองอยู่หันกลับมาทางชายหนุ่มผู้เป็นทั้งคนสนิทและเพื่อนสนิทก่อนตอบว่า “ฉันกำลังคิดหาวิธีที่จะให้เธอหนีหน้าฉันไม่ได้ตอนที่เราเจอกันอยู่ฮาซาล” “อย่าคิดนานนักนะครับคานันซาเพราะอีกไม่กี่วันคุณผู้หญิงคนนั้นก็จะเดินทางกลับแล้ว” ฮาซาลแกล้งพูดยิ้มๆ ขณะที่คีรีมันต์มองอีกฝ่ายตาเขียวพลางพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นๆ “ฉันรู้แล้วน่า” จากนั้นคีรีมันต์ก็หันกลับไปมองดูวิวของศิขรัฐ ซึ่งขณะนี้กำลังงดงามมากกว่าทุกวันในความรู้สึกของเขา เพราะหญิงสาวสวยคนที่กำลังเดินอยู่เคียงข้างกับไอย์รายาญาติผู้น้องของเขานั่นเอง “เดี๋ยวฉันจะพาเธอเดินไปดูย่านการค้าของชาวเผ่าซายี เค้ามีของสวยๆ งามๆ อีกเยอะเหมือนกัน ฉันคิดว่าเธอน่าจะได้ของฝากอีกเยอะแยะเลยล่ะดาว” ไอย์รายาหันมาบอกกับละอองดาว เมื่อทั้งสองสาวเดินออกมาจากร้านค้าร้านหนึ่งในย่านการค้าของชาวคานัน “ดีเลยไปสิไอย์” ละอองดาวพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นทั้งสองสาวก็พากันการเดินตรงไปทางย่านการค้าของชาวเผ่าซายีทันที “แย่แล้ว! ฮาซาลนายรีบบอกคนของเราให้ตามไอย์รายากับเพื่อนไปเร็วอย่าให้คลาดสายตาเชียวนะ” คีรีมันต์หันขวับกลับมาทางฮาซาลทันที เมื่อเห็นไอย์รายาจูงมือละอองดาวเดินออกจากเขตย่านการค้าของชาวเผ่าคานัน และกำลังจะข้ามเขตตรงไปยังย่านการค้าของชาวเผ่าซายี “ครับคานันซา” ฮาซาลรับคำแล้วรีบกดเปิดบูลทูธสั่งงานลูกน้องตามคำสั่งของคีรีมันต์ทันที “เราต้องรีบลงไปข้างล่างกันแล้วล่ะฮาซาล ไอย์รายาไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังพาเพื่อนเดินเข้าไปหาอันตรายชัดๆ นั่นมันเขตของพวกซายีคนของกาซิมมีอยู่เต็มไปหมด” พูดจบคีรีมันต์ก็วิ่งนำฮาซาลลงไปจากชั้นสองของร้านอาหาร ซึ่งเขาใช้แอบยืนดูละอองดาวอยู่พักใหญ่ไปทันที ย่านการค้าของชาวเผ่าซายีดูคึกคักและมีผู้คนมากมายไม่แพ้ย่านการค้าของชาวเผ่าคานัน อีกทั้งยังมีสินค้าเครื่องประดับสวยงามแปลกตาจำนวนมากเลยทีเดียว ละอองดาวกับไอย์รายาจึงพากันเดินดูสินค้าต่างๆ อย่างเพลิดเพลิน โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาหลายสิบคู่คอยจับตามองดูอยู่ นับตั้งแต่สองสาวก้าวเข้ามาในเขตย่านการค้าแห่งนี้ ละอองดาวเดินดูผ้าทอผืนเมืองลวดลายแปลกตาตามร้านค้าไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเดินห่างออกมาจากไอย์รายาซึ่งถูกแม่ค้าคนหนึ่งดึงมือเอาไว้แล้วชักชวนให้ดูสินค้าที่ร้านแล้วไม่ยอมปล่อยให้ไอย์รายาเดินผละจากมาโดยง่าย กว่าหญิงสาวจะรู้ตัวเธอก็มองหาไอย์รายาไม่เจอเสียแล้ว “ตายล่ะ! ไอย์อยู่ตรงไหนกันล่ะเนี่ย” ละอองดาวบ่นพลางยืดตัวมองหาเพื่อนรักแต่ก็ไม่เห็น เมื่อเธอพยายามจะเดินย้อนกลับไปทางทิศเดิมที่เดินมา หญิงสาวก็ถูกผู้คนกลุ่มใหญ่เดินเบียดเสียดกระแทกจนเธอไม่สามารถเดินย้อนกลับไปทิศทางเดิมได้ ละอองดาวพยายามจะเดินฝ่ากลุ่มคนออกไปแต่แล้วหญิงสาวก็พบว่าไม่ง่ายอย่างที่คิดพร้อมกับเริ่มรู้สึกผิดปกติกับกลุ่มคนที่กำลังยืนรายล้อมรอบตัวเธออยู่ ขณะนี้ละอองดาวกำลังถูกผู้ชายนับสิบคนยืนล้อมตัวเธออยู่แน่นอน และสิ่งที่ทำให้ละอองดาวมั่นใจว่าเธอกำลังตกอยู่ในอันตราย ก็คือเสียงที่คนเหล่านั้นพูดคุยกันด้วยภาษาพื้นเมือง เพราะคิดว่าเธอคงฟังไม่รู้เรื่อง แต่หญิงสาวฟังรู้เรื่องและชัดเจนเสียด้วย คนพวกนี้กำลังบอกกันว่าผู้หญิงต่างชาติคนนี้ถูกต้องแล้ว ให้จับตัวเธอเอาไว้อย่าปล่อยให้หนีไปได้ สัญชาตญาณการเอาตัวรอดสั่งให้ละอองดาวรีบคิดหาทางหนีโดยเร็วที่สุด เธอไม่รู้ว่าคนพวกนี้ต้องการอะไรจากเธอหรือต้องการตัวเธอไปทำไม หญิงสาวรู้อย่างเดียวก็คือเธอต้องหนีออกไปจากบริเวณนี้ และกลับไปหาไอย์รายาให้ได้โดยเร็วที่สุด “คนของเรามีใครเห็นเธอรึยังฮาซาล” คีรีมันต์ถามขึ้นอย่างร้อนใจเมื่อเห็นฮาซาลหยุดชะงักฟังลูกน้องรายงานผ่านทางบูลทูธนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ฮาซาลพยักหน้าก่อนจะตอบว่า “คนของเรารายงานว่าเห็นเธอถูกคนของกาซิมล้อมตัวอยู่ทางด้านทิศเหนือครับคานันซา พวกนั้นกำลังจะจับตัวเธอไป ตอนนี้คนของเราทุกคนกำลังตรงไปที่จุดนั้นแล้วครับ” “ถ้างั้นเราก็รีบไปเถอะ” คีรีมันต์พูดอย่างร้อนใจพลางดึงผ้าผืนยาวที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นมาพันปกปิดใบหน้าเช่นเดียวกับฮาซาล เพราะคงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก เพราะถ้าหากคนของเผ่าซายีเห็นหัวหน้าเผ่าคานันกับลูกน้องคนสนิทเข้ามาวิ่งเพ่นพ่านอยู่ในอาณาเขตของเผ่าซายี พวกเขาก็จะกลายเป็นเป้านิ่งอย่างง่ายดายด้วย เมื่อพันผ้าปกปิดใบหน้าเรียบร้อยแล้วทั้งสองคนก็รีบวิ่งตรงไปยังจุดที่ได้รับรายงานทันที ละอองดาวตัดสินใจวิ่งกระแทกร่างผู้ชายคนหนึ่งซึ่งไม่ทันได้ตั้งตัวเต็มแรง จนทำให้ผู้ชายคนนั้นเสียหลักเซไปปะทะกับเพื่อนอีกสองสามคน ซึ่งก็เป็นโอกาสให้หญิงสาวพุ่งตัววิ่งฝ่าวงล้อมออกมาได้ จากนั้นละอองดาวก็วิ่งอย่างไม่คิดชีวิตวิ่งโดยไม่สนใจว่าตัวเองกำลังจะวิ่งไปในทิศทางไหน และไม่สนใจว่าคนพวกนั้นจะวิ่งไล่ตามเธอมาหรือเปล่า หญิงสาวรู้แต่ว่าเธอจะต้องวิ่งไปในจุดที่มีผู้คนเยอะๆ ให้ได้โดยเร็วที่สุด ละอองดาวตัดสินใจทิ้งข้าวของในมือเพื่อความสะดวกในการวิ่ง แต่ทำไมยิ่งวิ่งหญิงสาวกลับยิ่งรู้สึกว่ากำลังถูกต้อนให้วิ่งเข้ามาในซอยเปลี่ยวไร้ผู้คนมากขึ้นทุกที ละอองดาวหยุดชะงักนิดหนึ่งอย่างลังเลเมื่อวิ่งมาถึงทางแยก ก่อนจะตัดสินใจวิ่งไปทางแยกด้านซ้ายมือ หญิงสาววิ่งไปจนกระทั่งสุดทาง แล้วก็พบว่ามีซอยที่สามารถเชื่อมต่อออกไปสู่ถนนใหญ่ได้ หญิงสาวยิ้มออกมาอย่างยินดีเมื่อคิดว่าเธอคงสามารถเอาตัวรอดจากกลุ่มคนที่ประสงค์ร้ายได้แล้ว พร้อมทั้งรีบวิ่งหน้ามุ่งตรงไปที่ปากซอยทันที แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงักอยู่ตรงกลางซอยเมื่อถูกล็อคคอจากทางด้านหลัง พร้อมกับผ้าผืนหนึ่งซึ่งมีกลิ่นฉุนถูกโปะลงมาที่ครึ่งปากครึ่งจมูก ละอองดาวพยายามดิ้นรนต่อสู้และขัดขืนสุดแรงเกิด จนกระทั่งร่างระหงของเธอสามารถหลุดพ้นออกมาจากอ้อมแขนของคนที่กำลังล็อคคอเธออยู่ได้ในที่สุด แต่แล้วร่างของหญิงสาวก็ต้องหมุนคว้างทรงตัวไม่อยู่ด้วยความรู้สึกมึนงง แต่ก่อนที่เธอจะล้มลงไปกองกับพื้น อ้อมแขนแข็งแรงของใครคนหนึ่งก็โอบกอดละอองดาวเอาไว้ได้ทัน ภาพสุดท้ายที่หญิงสาวเห็นก่อนที่สติสัมปะชัญญะทั้งหมดทั้งมวลจะดับวูบไป ก็คือนัยน์ตาคู่คมสีดำสนิทราวกับรัตติกาลซึ่งแลดูคุ้นตาอย่างประหลาดของคนที่กำลังโอบกอดร่างของเธอเอาไว้แนบอก คีรีมันต์วางร่างระหงลงที่เบาะด้านหลังรถอย่างแผ่วเบา ก่อนจะรีบก้าวตามขึ้นไปนั่งโอบประคองร่างไร้สติของหญิงสาวเอาไว้อย่างหวงแหน ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อก้มลงมองใบหน้าสวยหวานที่กำลังซุกซบอยู่กับไหล่กว้าง เขากับฮาซาลตัดสินใจวิ่งเข้าไปในซอยเพราะรู้ดีว่าซอยนี้คือเส้นทางลัดที่จะวิ่งไปถึงจุดที่คนของเขารายงานมาว่าละอองดาวกำลังถูกคนของกาซิมล้อมตัวเอาไว้ได้เร็วที่สุด เนื่องจากคีรีมันต์กับฮาซาลเคยแอบเข้ามาเดินสำรวจเส้นทางแถบนี้เอาไว้เหมือนกัน ดังนั้นชายหนุ่มจึงวิ่งเข้าไปทันเวลาพอดีก่อนที่คนของกาซิมซึ่งโปะยาสลบละอองดาวแล้วจะสามารถลักพาตัวหญิงสาวไปได้ และเป็นโชคดีที่คนของกาซิมไม่ทันระวังตัว จึงถูกฮาซาลใช้ด้ามปืนฟาดที่ศีรษะไปหนึ่งที จนสลบหมดสติไปทันทีโดยไม่มีโอกาสได้ต่อสู้ ขณะที่คีรีมันต์สามารถรับร่างระหงเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่หญิงสาวจะล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นแต่คนของกา ซิมอีกจำนวนหนึ่งก็วิ่งตามมาถึงพอดี คีรีมันต์จึงต้องรีบอุ้มหญิงสาววิ่งย้อนกลับออกมาทางปากซอย โดยมีฮาซาลคอยระวังหลังให้ ก่อนที่คนของเขาจะตามมาสมทบได้ทันเวลาจึงช่วยสกัดคนของกาซิมเอาไว้ได้ ชายหนุ่มจึงสามารถอุ้มหญิงสาววิ่งมาถึงรถส่วนตัวที่คนของเขานำมาจอดรออยู่ตรงจัดนัดหมายได้ ฮาซาลตามขึ้นมานั่งบนรถประจำตำแหน่งคนขับอย่างรวดเร็ว พลางหันมาถามคีรีมันต์ “จะไปบ้านท่านจาเมียร์ หรือว่า...” “ไปคีรีมันตราฮาซาล” คีรีมันต์พูดแทรกขึ้นก่อนที่ฮาซาลจะถามจบประโยค ทำให้อีกฝ่ายถึงกับชะงักนิดหนึ่งนัยน์ตาของฮาซาลฉายแววประหลาดใจและคาดไม่ถึงในตอนแรก แต่แล้วเขาก็ต้องยิ้มออกมา เมื่อเห็นคีรีมันต์กำลังโอบประคองหญิงสาวในอ้อมกอดเอาไว้ด้วยทีท่าหวงแหนและทะนุถนอม อีกทั้งนัยน์ตาคู่คมฉายแววอ่อนโยนที่กำลังทอดมองหญิงสาวในอ้อมกอดของตนเองนั่นด้วย ดังนั้นฮาซาลจึงไม่คิดที่จะตั้งคำถามใดอีกนอกจากรับคำ แล้วเคลื่อนรถออกไปจากบริเวณนั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะขับรถขึ้นไปทางทิศเหนือของเมืองเพื่อมุ่งหน้าสู่เทือกเขาคีรีมันตราตามคำสั่งของคีรีมันต์ทันที เพียะๆๆ โซเลสสะบัดหลังมือใส่ใบหน้าลูกสมุนของตัวเองเรียงตัวทีละคนด้วยสีหน้าและแววตาโกรธจัด ก่อนจะตวาดด่าด้วยเสียงอันดังว่า “พวกแกทุกคนทำงานแย่มาก! แค่ผู้หญิงคนเดียวก็เอาตัวมาไม่ได้ ทั้งที่เข้ามาอยู่ในเขตของเราแท้ๆ” “เราเกือบจะจับผู้หญิงคนนั้นได้แล้วนะครับคุณโซเลส ถ้าหากพวกคานันจะไม่เข้ามาชิงตัวไปเสียก่อน” ลูกสมุนคนหนึ่งพูดแก้ตัวแทนทุกคน จึงถูกโซเลสตวาดอีก “แกยังจะมีหน้ามาแก้ตัวอีกเหรอ พอท่านกาซิมกับฉันไม่อยู่ พวกแกก็ปล่อยให้พวกคานันมันเข้ามาหยามได้ถึงถิ่น ชิงตัวผู้หญิงคนนั้นไปต่อหน้าต่อตาทั้งที่พวกแกจับตัวได้แล้ว” “แต่ฝีมือพวกนั้นมันร้ายกาจมากนะครับคุณโซเลส” ลูกสมุนอีกคนพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็หมายความว่าฝีมือพวกแกมันห่วยน่ะสิ แล้วพวกแกคิดว่าฉันควรจะเก็บลูกน้องฝีมือห่วยๆ อย่างพวกแกเอาไว้ดีมั้ย” โซเลสถามอย่างเหลืออด “พวกเราขอโทษครับคุณโซเลส กรุณายกโทษให้พวกเราสักครั้งเถอะครับ” บรรดาลูกสมุนของโซเลสต่างรีบก้มศีรษะลง พลางกล่าวคำขอโทษผู้เป็นหัวหน้าด้วยความเกรงกลัวทันที ชายหนุ่มคนสนิทของหัวหน้าเผ่าซายีถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างพยายามข่มความโกรธ ก่อนจะออกคำสั่ง “พวกแกรีบไปตามสืบมาให้ได้โดยเร็วที่สุดว่าคีรีมันต์เอาตัวผู้หญิงคนนั้นไปไว้ที่ไหน แล้วฉันจะยกโทษให้” “ครับคุณโซเลส” ลูกสมุนของโซเลสต่างก็พากันรีบรับคำทันที ก่อนจะออกไปปฏิบัติงานตามคำสั่งของเขาอย่างเร่งรีบ ละอองดาวเริ่มขยับตัวก่อนจะปรือตาขึ้นอย่างช้าๆ แล้วกะพริบตาสองสามครั้งด้วยความงุนงง เมื่อเห็นเพดานห้องสีน้ำตาลอ่อนซึ่งไม่คุ้นตาเธอเลยสักนิด เพราะว่าเพดานห้องพักของเธอที่บ้านไอย์รายาเป็นสีฟ้าอ่อน หญิงสาวหลับตาลงอีกครั้ง ก่อนจะลืมตาขึ้นมาใหม่อีกหน แต่ละอองดาวก็ยังคงเห็นเพดานห้องเป็นสีน้ำตาลอ่อนอยู่ดี คราวนี้หญิงสาวเลยกวาดตามองสำรวจไปรอบๆ ห้อง แล้วก็พบว่าห้องนี้ทาสีน้ำตาลอ่อนทั้งห้อง การตกแต่งเป็นไปอย่างเรียบง่าย เหมือนห้องนอนของผู้ชาย “เหมือนห้องนอนของผู้ชาย” พอคิดมาถึงตรงนี้ภาพเหตุการณ์ที่เธอถูกวิ่งไล่ล่าจากผู้ชายกลุ่มหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในความทรงจำของหญิงสาวทันที รวมทั้งนัยน์ตาคู่คมสีดำสนิทคุ้นตาของผู้ชายคนที่โอบกอดร่างของเธอเอาไว้ ก่อนที่ละอองดาวจะหมดสติไป หญิงสาวเบิกตากว้างพลางผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว แล้วสำรวจเสื้อผ้าของตัวเองเป็นอันดับแรก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เมื่อพบว่าเสื้อผ้าของเธอยังอยู่ในสภาพเรียบร้อยดีครบทุกชิ้น มีเพียงแค่รองเท้าหนังหุ้มข้อของเธอเท่านั้นที่ถูกถอดออกวางไว้ที่พื้นด้านหน้าเตียง เสียงประตูห้องที่ถูกเปิดเข้ามาทำให้ละอองดาวต้องหันไปมองทางประตูทันที แล้วหญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่ก้าวผ่านประตูห้องเข้ามา “คุณ!” หญิงสาวอุทานออกมาเบาๆ ด้วยความตกใจ “คุณรู้สึกตัวนานรึยัง” คีรีมันต์ถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างยินดี เมื่อเห็นว่าคนที่เขากำลังจะเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วงฟื้นแล้ว พลางทำท่าจะก้าวตรงเข้าไปหาหญิงสาวที่เตียง แต่แล้วชายหนุ่มก็ต้องชะงักเมื่อละอองดาวร้องสั่งเสียงเข้ม “หยุดนะ! ห้ามคุณเดินเข้ามาใกล้ฉันแม้แต่ก้าวเดียวนะ” “ฮะ! นี่มันอะไรกันคุณ” คีรีมันต์อุทานออกมาเบาๆ ก่อนจะถามหญิงสาวด้วยความงุนงง ละอองดาวจ้องมองใบหน้าคมเข้มของเขาด้วยแววตาระแวดระวังก่อนจะถามว่า “ที่นี่ที่ไหนแล้วฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” “ที่นี่คือบ้านผมเอง ผมเป็นคนพาคุณมาที่นี่” คีรีมันต์ตอบ “อะไรนะ! นี่หมายความว่าคุณลักพาตัวฉันมาที่นี่ใช่มั้ย พาฉันกลับไปหาไอย์เดี๋ยวนี้นะ!” ละอองดาวเริ่มโวยวายเสียงดัง พลางมองชายหนุ่มด้วยแววตาขุ่นเคือง “เฮ้! นี่พูดดีๆ นะคุณ ผมไม่ได้ลักพาตัวคุณมาซะหน่อย ผมช่วย...” “คุณไม่ต้องมาปฏิเสธเลยนะ คุณนั่นแหละที่โปะยาสลบฉัน ฉันจำสีนัยน์ตาของคุณได้” ละอองดาวพูดแทรกขึ้นมาก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบประโยค คีรีมันต์ไม่รู้ว่าจะฉุนหรือจะขำดีเมื่อฟังหญิงสาวพูดจบประโยค เขาก็ดีใจอยู่หรอกนะที่ละอองดาวบอกว่าจดจำสีนัยน์ตาของเขาได้ แต่ว่าเธอกำลังเข้าใจผิดคิดว่าเขาลักพาตัวเธอมานี่สิ “ประทับใจจังที่คุณอุตส่าห์จดจำสีนัยน์ตาของผมได้ แสดงว่าคุณประทับใจแล้วก็ไม่เคยลืมผมใช่ไหมครับ” คีรีมันต์แกล้งถามยิ้มๆ อย่างยั่วเย้า พร้อมทั้งถือโอกาสก้าวเข้าไปใกล้เตียงเรื่อยๆ โดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว ละอองดาวดวงตาวาวโรจน์ทันทีเมื่อได้ยินประโยคที่ชายหนุ่มพูดเมื่อครู่ หญิงสาวปรายตามองเขาอย่างรังเกียจก่อนจะเบ้ปากแล้วตอบว่า “ใช่ ฉันจำได้ไม่มีวันลืมเลยว่าคุณเป็นผู้ชายเจ้าชู้ บ้ากาม ชอบฉวยโอกาสลวนลามผู้หญิงทุกเวลาและทุกสถานที่” “โอ้โฮ้! คุณไม่คิดว่าคุณตั้งข้อหาผมรุนแรงมากไปหน่อยเหรอครับคุณผู้หญิง เรื่องเจ้าชู้ผมยอมรับก็ได้ แต่ผมไม่ได้บ้ากามซะหน่อย ผมไม่เคยทำผิดศีลธรรม ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับแฟนใครหรือภรรยาใคร แล้วผมก็ไม่เคยฉวยโอกาสลวนลามผู้หญิงคนไหนเลยนะ เพราะทุกคนเต็มใจกับผมทั้งนั้นยกเว้นคุณ” คีรีมันต์พูดยิ้มๆ แล้วเขาก็ได้เห็นท้องทะเลลึกเริ่มปั่นป่วนกลายเป็นทะเลเพลิงอีกครั้ง เมื่อนัยน์ตาสีน้ำเงินสดจ้องมองมาด้วยแววตาขุ่นเคืองราวกับโกรธแค้นกันมาเนิ่นนานตั้งแต่ชาติปางก่อน “ผู้ชายทุเรศ คุณเป็นผู้ชายที่น่ารังเกียจที่สุดเลยตั้งแต่ฉันเคยพบเจอมา ฉันนึกว่าคุณจะเป็นเอดส์ตายไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนแล้วนะ ไม่รู้ว่าทำไมคุณยังมีชีวิตอยู่มาจนถึงป่าน...ว้าย!!!” ท้ายประโยคละอองดาวร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆ คีรีมันต์ก็โถมตัวขึ้นมาบนเตียงอย่างรวดเร็ว แล้วล้มทับเธอเอาไว้ทั้งตัว จนใบหน้าของเขาและเธออยู่ห่างจากกันเพียงแค่คืบเดียว คีรีมันต์หัวเราะเบาๆ เมื่อมองสบกับนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มราวกับท้องทะเลลึก ซึ่งกำลังอยู่ในอาการตกใจของหญิงสาวในระยะใกล้ก่อนจะพูดว่า “ผมป้องกันตัวทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ผมก็เลยไม่เป็นเอดส์ตายอย่างที่คุณแช่ง แล้วที่ผมพยายามมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงตอนนี้ ก็เพราะว่าผมอยากจะทำแบบนี้กับคุณไงละอองดาว” พูดจบคีรีมันต์ก็ก้มลงประทับริมฝีปากได้รูปสวยของเขาลงบนริมฝีปากเรียวบางสีชมพูระเรื่อของหญิงสาวอย่างแม่นยำและรวดเร็วทันที ขณะที่ละอองดาวได้แต่เบิกตากว้างด้วยความตกใจและงุนงงกับจูบแผ่วเบา นุ่มนวลแสนอ่อนโยนของเขา “ยินดีต้อนรับสู่ศิขรัฐ ด้วยจูบทักทายจากผมครับมีส ละอองดาว จีวานโน่” คีรีมันต์กระซิบบอกกับละอองดาวยิ้มๆ หลังจากถอนริมฝีปากตนเองออกจากริมฝีปากของหญิงสาวอย่างอ้อยอิ่ง
已经是最新一章了
加载中