4 ความทรงจำ
“ผู้ชายบ้า! ผู้ชายทุเรศ! คนฉวยโอกาส คุณกล้าดียังไงมาจูบฉัน!” ละอองดาวร้องโวยวายขึ้นทันทีเมื่อตั้งสติได้หลังจากที่ถูกขโมยจูบโดยไม่ทันตั้งตัว พร้อมทั้งยกมือขึ้นมาทุบตีตามแผ่นหลังและไหล่ของชายหนุ่มอย่างไม่ปรานี
“โอ๊ย! คุณเบาๆ หน่อยสิใจคอจะฆ่าผมให้ตายรึไง” คีรีมันต์ร้องห้ามเสียงหลงพลางพยายามจับมือทั้งสองข้างของหญิงสาวเอาไว้
“ถ้าเป็นไปได้ฉันก็อยากจะฆ่าคุณให้ตายเดี๋ยวนี้เลยผู้ชายลามก!” ละอองดาวว่าพลางมองดูชายหนุ่มด้วยดวงตาวาวโรจน์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ คีรีมันต์ยิ้มที่มุมปากอย่างขบขันขณะที่มองสบตาหญิงสาวด้วยนัยน์ตาพราวระยับก่อนจะแกล้งพูดอย่างยั่วเย้าว่า
“ใจร้ายจังคุณจะฆ่าผมได้ลงคอจริงๆ เหรอ ผมเป็นผู้ชายคนแรกที่ได้หอมแก้มนุ่มๆ ของคุณเชียวนะ แล้วเมื่อกี้ถ้าผมเดาไม่ผิด ผมคือจูบแรกของคุณด้วย ใช่หรือเปล่าครับ”
“อ๊ายยย! อย่ามาพูดบ้าๆ แบบนี้กับฉันนะ คนผีทะเล ฉันเกลียดคุณ ปล่อยฉันนะ” ละอองดาวว่าชายหนุ่มด้วยใบหน้าแดงก่ำทั้งโมโหทั้งอับอายในสิ่งที่เขาพูด พลางพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดพ้นจากอ้อมกอดของเขาแต่ก็ไม่เป็นผล
“ผมจะไม่ปล่อยคุณถ้าคุณไม่เลิกโวยวาย ไม่เลิกทำร้ายผม แล้วคุณก็ไม่ควรด่าผมว่าผีทะเลด้วย เพราะผมคิดว่าผีทะเลมันไม่น่าจะหล่อเท่าผมนะ” คีรีมันต์บอกพลางขยิบตาให้หญิงสาวยิ้มๆ อย่าล้อเลียน พร้อมทั้งแกล้งก้มหน้าลงไปใกล้ใบหน้าเนียนสวยอีกครั้ง เพื่อให้จมูกโด่งเป็นสันของเขาคลอเคลียอยู่ใกล้กับแก้มเนียนของหญิงสาว ใกล้เสียจนละอองดาวรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขา หญิงสาวได้แต่พยายามเบี่ยงใบหน้าหนี เพราะไม่สามารถใช้มือผลักไสใบหน้าคมเข้มออกห่างได้ เนื่องจากมือของเธอทั้งสองข้างถูกคีรีมันต์จับเอาไว้
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นเบาๆ ก่อนจะตามด้วยเสียงของฮาซาล
“ขอโทษครับคานันซา...”
คีรีมันต์ชะงักใบหน้าที่กำลังก้มลงไปหาใบหน้าเนียนสวยทันที ก่อนที่ชายหนุ่มจะรีบสปริงตัวลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว ทำให้ละอองดาวถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่ได้ระฆังมาช่วยให้เธอหลุดพ้นจากสถานการณ์ล่อแหลมและเสียเปรียบเมื่อครู่มาได้อย่างหวุดหวิด พลางรีบขยับลุกขึ้นนั่งทันที
แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใบหน้าคมดุคนหนึ่งกำลังยืนถือโทรศัพท์มือถืออยู่ที่หน้าประตูห้อง ซึ่งคีรีมันต์เปิดทิ้งเอาไว้ตอนที่เขาก้าวเข้ามา แถมข้างร่างสูงของชายหนุ่มคนนั้นยังมีหญิงสูงวัยรูปร่างท้วมเล็กน้อยอีกคนยืนอยู่ด้วย
ละอองดาวใบหน้าร้อนวูบวาบขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นแววตาและสีหน้ายิ้มๆ ของคนทั้งสอง ซึ่งกำลังมองตรงมาที่เธอก่อนจะหันไปมองคีรีมันต์ แค่นี้หญิงสาวก็รู้แล้วว่าทั้งคู่ต้องเห็นเหตุการณ์ระหว่างเธอกับชายหนุ่มเมื่อครู่นี้อย่างแน่นอน แล้วก็ไม่รู้ว่าเห็นตั้งแต่ตอนไหนด้วย พอคิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็รู้สึกอับอายขายหน้าจนแทบอยากจะหายตัวได้ ณ บัดนี้เลยทีเดียว
“คุณรออยู่ในห้องก่อนนะ ผมคุยโทรศัพท์เสร็จแล้วจะรีบกลับมาคุยกับคุณต่อ” คีรีมันต์บอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ก่อนก้าวยาวๆ ตรงไปที่ประตูห้องทันที ขณะที่ละอองดาวได้แต่นั่งก้มหน้าก้มตาอยู่บนเตียงด้วยความรู้สึกอับอายจนเหลือจะกล่าว
“ว่าไงรามิล” คีรีมันต์ถามคนทางปลายสายทันทีที่รับโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของฮาซาลมาจากมืออีกฝ่าย เมื่อทั้งสองเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของคีรีมันต์แล้ว
“ขอโทษนะคีรีมันต์ถ้าฉันโทรมาขัดจังหวะนาย แต่ฉันมีเรื่องด่วนจริงๆ เลยต้องโทรเข้ามือถือของฮาซาล”
ประโยคที่รามิลพูดมาจากปลายสายทำเอาคีรีมันต์ถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ เพราะเป็นที่รู้กันมานานแล้วระหว่างชายหนุ่มทั้งสามคน ว่าถ้าหากคีรีมันต์ปิดโทรศัพท์มือถือส่วนตัวของเขาเมื่อไหร่ ก็หมายความว่าเขาไม่สะดวกที่จะรับสาย ซึ่งมีเหตุผลอยู่เพียงสองข้อก็คือ หนึ่งคีรีมันต์กำลังพักผ่อน สองคือเขากำลังใช้เวลาแบบส่วนตัวอยู่กับหญิงสาวคนใดคนหนึ่ง และขณะนี้เพื่อนรักของเขากำลังคิดว่าเขาอยู่ในเหตุผลข้อที่สองอย่างแน่นอน
“บ้าน่ารามิล! ฉันไม่ได้กำลังทำอะไรอย่างที่นายคิดหรอกนะ” คีรีมันต์บอกเพื่อนรักยิ้มๆ พลางคิดต่ออยู่ภายในใจว่า ถึงแม้ว่าเขาอยากจะทำใจแทบขาดก็ตาม เมื่อนึกถึงหญิงสาวสวยที่อยู่ในห้อง ก่อนจะถามรามิลต่อไปอีก
“แล้วตกลงนายมีเรื่องด่วนอะไรกับฉันล่ะ”
“ก็เมื่อครู่ไอย์รายาโทรมาหาฉันบอกว่าละอองดาวหายไป ตอนนี้ไอย์รายากำลังร้อนใจมาก เพราะมีคนบอกว่าเห็นละอองดาวถูกผู้ชายกลุ่มหนึ่งอุ้มขึ้นรถไปด้วย” รามิลบอกมาจากปลายสายด้วยน้ำเสียงแสดงความร้อนใจอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน แต่คีรีมันต์ตอบกลับไปสั้นๆ ด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ
“อือ ฉันรู้แล้ว”
“ฮะ! นายรู้แล้วงั้นเหรอนายรู้ได้ยังไง แล้วนี่นายไม่รู้สึกตกใจบ้างเหรอที่เธอหายไป เธออาจจะถูกพวกกาซิมลักพาตัวไปก็ได้นะคีรีมันต์ เอ๊ะ!” อยู่ๆ รามิลก็อุทานออกมาเบาๆ ในตอนท้ายประโยค เมื่อเขาเริ่มนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ก่อนจะพูดว่า
“เฮ้ๆ อย่าบอกนะว่านายเป็นคนวางแผนลักพาตัวละอองดาวไปน่ะคีรีมันต์”
“ฉันไม่ได้วางแผนลักพาตัวเค้ามานะไอ้บ้ารามิล แต่ฉันกับฮาซาลแล้วก็คนของฉันไปช่วยเค้ามาจากคนของกาซิมที่กำลังจะลักพาตัวเค้าไปต่างหาก” คีรีมันต์เถียง
“เออ นายช่วยเธอแล้วทำไมนายไม่พากลับมาส่งที่บ้านไอย์รายา นายเอาละอองดาวไปไว้ที่ไหนมิทราบไอ้คานันซา” รามิลย้อนถามกลับมา
“ตอนนี้ฉันพาเค้ามาที่คีรีมันตรา” คีรีมันต์ตอบเพื่อนรักไปตามตรง แล้วเขาก็ต้องรีบดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูทันที เมื่อได้ยินรามิลหัวเราะเสียงดังลั่นก่อนทีอีกฝ่ายจะถามมาว่า
“นี่นายกล้าพาเธอไปถึงคีรีมันตราเลยเหรอคีรีมันต์ นายมีแผนอะไรกันแน่เพื่อนรัก”
ชายหนุ่มอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะตอบกลับไปว่า
“ฉันก็มีแผนจะดูแลผู้หญิงในคำทำนายให้ดีที่สุดอย่างที่ฉันเคยบอกนายไปแล้วไงล่ะ”
“เพื่อใครเหรอไอ้คานันซารูปหล่อ” รามิลถามมาอีกด้วยน้ำเสียงขบขันและล้อเลียน คีรีมันต์เลยหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบ
“ก็เพื่อตัวฉันเองแล้วก็เพื่อท่านลุงยาราลด้วยไง”
“ฉันจะพยายามเชื่อนายนะคีรีมันต์ แล้วก็ตอนนี้นายมาช่วยฉันคิดก่อน ว่าจะให้ฉันบอกไอย์รายาว่ายังไง เพราะว่าตอนนี้คู่หมั้นของฉันซึ่งเป็นน้องสาวของนายด้วย กำลังระดมคนของท่านอาจาเมียร์ คนของฉัน แล้วก็คนของท่านพ่อ ออกพลิกแผ่นดินตามหาเพื่อนรักของเค้าอยู่ ถ้าหากคืนนี้ไอย์รายาไม่ได้ข่าวละอองดาวฉันคิดว่าคงไม่มีใครได้หลับได้นอนแน่” รามิลพูด
“นายก็บอกไอย์รายาไปตามตรงสิว่าเพื่อนรักของเค้าอยู่กับฉัน” คีรีมันต์บอกเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรนัก รามิลหัวเราะอีกครั้งก่อนจะพูดว่า
“ตามนั้นเลยเพื่อนรัก แล้วนายก็ช่วยเปิดมือถือของนายเอาไว้ด้วยนะ เพราะอีกไม่เกินห้านาทีนายได้หูชาเพราะไอย์รายาแน่นอนฉันรับรอง”
“อืม เท่านี้นะ” คีรีมันต์รับคำด้วยน้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนก่อนกดวางสายแล้วส่งโทรศัพท์คืนให้ฮาซาล จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองซึ่งวางอยู่บนโต๊ะทำงานขึ้นมาเปิดเครื่อง เมื่อเปิดเครื่องโทรศัพท์ของเขาก็แผดเสียงขึ้นมาทันที ฮาซาลถึงกับหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เพราะทันทีที่คีรีมันต์กดรับสายเสียงไอย์รายาก็แผดมาจากปลายสายจนดังลั่นออกมานอกเครื่อง
“พี่คีรีมันต์พี่กล้าดียังไงมาลักพาตัวดาวไปเอาตัวเพื่อนฉันกลับคืนมานะ”
“ไม่ต้องร้องตะโกนเข้ามาในโทรศัพท์หรอกน่าไอย์รายา พูดกันดีๆ ก็ได้” คีรีมันต์บอกอย่างใจเย็น
“พี่จะให้ฉันพูดดีกับพี่ ทั้งที่พี่วางแผนขโมยตัวเพื่อนฉันไปนี่นะ พี่รู้รึเปล่าว่าฉันเป็นห่วงดาวมากแค่ไหน” ไอย์รายายังไม่เลิกโมโหง่ายๆ คีรีมันต์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนพูด
“ฟังนะไอย์รายาพี่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอกับละอองดาวมาศิขรัฐ เพราะว่าเธอไม่ได้โทรมาบอกพี่ แล้วพี่จะไปวางแผนขโมยตัวเพื่อนรักของเธอตอนไหนกัน”
คำพูดของคีรีมันต์ทำเอาฮาซาลแทบจะกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่อีกครั้ง เพราะเขามั่นใจว่าไอย์รายาต้องจนคำตอบหาข้อแก้ตัวกับคีรีมันต์ไม่ได้แน่ๆ
“ก็...คือว่า...” ไอย์รายาอ้ำอึ้ง ทำให้คีรีมันต์คลี่ยิ้มที่มุมปากทันทีเมื่อรู้ว่าญาติผู้น้องไม่สามารถหาคำมาโต้แย้งเขาได้ ก่อนจะแกล้งทวนถามไปว่า
“คือว่าอะไร”
“คือว่า...ก็ดาวเค้าไม่อยากให้พี่กับพี่รามิลรู้ว่าเค้ามาศิขรัฐนี่ ฉันก็เลยต้องทำตามที่ดาวขอร้อง” ไอย์รายาตอบอ้อมแอ้มไม่เต็มเสียงนัก
“ช่วยเพื่อนดีมาก ถ้าวันนี้พี่ไม่บังเอิญไปเจอเข้าเสียก่อน ป่านนี้เพื่อนรักของเธอคงถูกคนของกาซิมจับตัวไปแล้ว รู้เอาไว้ด้วยนะไอย์รายาว่าครั้งนี้เธอมีความผิดมาก” คีรีมันต์แกล้งพูดเสียงเข้มโดยโยนความผิดไปให้ญาติผู้น้องเต็มๆ ในขณะที่ไอย์รายาถึงกับร้องถามมาด้วยความตกใจ
“อะไรนะ! พี่บอกว่าคนของกาซิมจะจับตัวดาวไปงั้นเหรอ พวกนั้นต้องการตัวดาวไปทำไมกันฉันไม่เข้าใจเลย”
“เพราะเพื่อนรักของเธอคือผู้หญิงที่มีลักษณะตรงกับคำทำนายของแม่เฒ่าเผ่าไมยา” คีรีมันต์ตอบ
“คำทำนายอะไรกันพี่คีรีมันต์” ไอย์รายาถามอย่างงุนงง
“โทรไปเรียกให้รามิลมาอธิบายให้เธอฟังก็แล้วกันเธอจะได้เข้าใจอย่างชัดเจน ส่วนเพื่อนรักของเธอตอนนี้ต้องให้พักอยู่กับพี่ก่อนเพื่อความปลอดภัยของเค้า” คีรีมันต์บอกง่ายๆ แต่ทำเอาไอย์รายาถึงกับร้องถามมาเสียงหลง
“พี่จะให้ดาวพักอยู่กับพี่เหรอ ดาวไม่มีทางยอมหรอกนะพี่คีรีมันต์ พี่ก็รู้ว่าดาวไม่ชอบพี่ฉันว่าพี่ส่งดาวกลับมาที่บ้านฉันเถอะค่ะ”
“พี่จะอธิบายให้เพื่อนรักของเธอเข้าใจเอง” คีรีมันต์บอก
“แต่ว่า...” ไอย์รายาทำท่าจะแย้ง แต่คีรีมันต์พูดแทรกขึ้นว่า
“ไม่มีแต่ เพราะวันนี้พี่ช่วยชีวิตเพื่อนรักของเธอเอาไว้ เค้าเป็นหนี้บุญคุณพี่อยู่ โทรไปเรียกให้รามิลมาอธิบายเรื่องคำทำนายให้เธอฟัง เธอจะได้รู้ว่าเรื่องนี้มันสำคัญมากแค่ไหน ถ้าเข้าใจแล้วเราค่อยมาคุยกันต่อว่าจะทำยังไงต่อไป เท่านี้นะ”
พูดจบคีรีมันต์ก็เตรียมจะวางสายทันที หากแต่ไอย์รายาเรียกเขาเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่คีรีมันต์ ถ้าดาวจำเป็นต้องอยู่กับพี่ในช่วงนี้จริงๆ คือฉันรู้มาตลอดว่าพี่รู้สึกยังไงกับดาว แต่ฉันอยากจะขอร้องพี่ ว่าอย่าล่วงเกินดาวเหมือนผู้หญิงคนอื่นได้ไหมคะ ฉันรู้ว่าดาวต้องไม่เต็มใจกับพี่แน่นอน เพราะถึงยังไงดาวก็เป็นเพื่อนที่ฉันรักมาก อย่าทำร้ายจิตใจดาว สัญญาได้ไหมคะพี่คีรีมันต์”
“ได้สิ พี่สัญญาว่าจะไม่ล่วงเกินเพื่อนรักของเธอเหมือนผู้หญิงคนอื่น ถ้าเพื่อนรักของเธอไม่เต็มใจ แต่ถ้าพี่จะพยายามใช้โอกาสนี้หาทางเปลี่ยนใจเค้า เธอคงไม่ว่าอะไรใช่มั้ยไอย์รายา” คีรีมันต์ย้อนถามญาติผู้น้องกลับไปในตอนท้ายประโยค แล้วเขาก็ได้ยินอีกฝ่ายถอนหายใจยาวเหยียดก่อนตอบกลับมา
“ถ้าพี่เปลี่ยนใจดาวได้ ฉันจะไปว่าอะไรพี่ได้ล่ะคะ”
“ขอบใจมากน้องสาวที่น่ารัก ถ้างั้นเท่านี้ก่อนนะ พี่จะได้รีบไปอธิบายให้เพื่อนรักของเธอเข้าใจ แล้วก็หาโอกาสเปลี่ยนใจเค้าด้วย” พูดจบคีรีมันต์ก็กดวางสายแล้วปิดเครื่องโทรศัพท์ทันที ก่อนจะวางลงบนโต๊ะอย่างไม่ใส่ใจ เพราะว่าตอนนี้หัวใจของเขาโลดแล่นไปหาหญิงสาวสวยที่อยู่ในห้องนอนแล้ว ก่อนหันมาบอกกับฮาซาล
“ฉันไม่รับโทรศัพท์ใครแล้วนะฮาซาล เอาไว้ติลลาตั้งโต๊ะอาหารค่ำเรียบร้อยแล้วนายค่อยไปตามฉันนะ”
“ครับคานันซา” ฮาซาลรับคำยิ้มๆ ก่อนจะพูดต่อ “แล้วคราวนี้อย่าลืมล็อคประตูห้องด้วยนะครับคานันซา ผมยังไม่อยากให้ท่านแม่หัวใจวาย ก่อนจะได้เห็นการแต่งตั้งคานันยา”
พูดจบฮาซาลก็หัวเราะในลำคอเบาๆ คีรีมันต์มองชายหนุ่มผู้มีฐานะเป็นทั้งคนสนิทและเพื่อนรักของเขาตาขวาง
“ฉันรู้แล้วขอบใจนะที่เตือน”
พูดจบชายหนุ่มก็ก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องทันที ทิ้งให้ฮาซาลยืนหัวเราะอยู่คนเดียวด้วยความขบขัน
ละอองดาวยืนมองผ่านหน้าต่างห้องออกไปเพื่อดูภูมิประเทศรอบตัวบ้านพักหลังนี้ หญิงสาวพอจะคาดเดาได้ว่าบ้านหลังนี้น่าจะตั้งอยู่บนเนินเขาสูง แต่เพราะขณะนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว เธอจึงไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ชัดเจนมากนัก
นอกจากเนินเขาหลายลูกที่เห็นเป็นเงารางๆ รายล้อมลดหลั่นกันลงไป และมองเห็นแสงไฟลิบๆ ที่อยู่บริเวณเชิงเขาซึ่งละอองดาวค่อนข้างมั่นใจว่าจะต้องเป็นบ้านคน ก่อนจะได้ข้อสรุปอยู่ภายในใจว่าขณะนี้เธอน่าจะกำลังอยู่ในหุบเขาภายในบริเวณเทือกเขาสักแห่งที่รายล้อมประเทศศิขรัฐอยู่อย่างแน่นอน
“ผู้ชายบ้า! คอยดูนะฉันจะแจ้งตำรวจจับซะให้เข็ด ข้อหาลักพาตัวกักขังหน่วงเหนี่ยว”
หญิงสาวบ่นพึมพำกับตัวเองด้วยดวงตาวาวโรจน์เมื่อนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของคีรีมันต์และการกระทำอันแสนอุกอาจของเขาเมื่อครู่ใหญ่ ละอองดาวยกหลังมือขึ้นเช็ดริมฝีปากตัวเองด้วยความรังเกียจเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วเธอก็จำไม่ได้ แต่ยิ่งพยายามจะเช็ดให้มันลบเลือนก็ยิ่งรู้สึกว่าสัมผัสแผ่วเบานุ่มนวล และอ่อนโยนจากริมฝีปากของเขา กลับติดตรึงอยู่ในความรู้สึกและความทรงจำของเธออย่างยากที่จะลืมเลือนได้
ช่างเหมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่อเมริกาเมื่อสองปีกว่าที่ผ่านมา เหตุการณ์ที่ทำให้เธอรังเกียจผู้ชายที่ชื่อ “คีรีมันต์” และพยายามหลีกหนีให้ไกลจากเขามากที่สุดมาโดยตลอด
วันนั้นเป็นวันเกิดของไอย์รายา เธอกับเพื่อนรักจึงจัดงานปาร์ตี้แบบส่วนตัวขึ้น ภายในบ้านหลังเล็กที่ทั้งสองสาวย้ายมาเช่าอยู่ร่วมกัน และเมื่อเป็นงานวันเกิดของไอย์รายา ดังนั้นงานนี้รามิลคู่หมั้นสุดหล่อของไอย์รายาจึงได้รับเชิญมาด้วยพร้อมทั้งคีรีมันต์ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของไอย์รายา
ละอองดาวไม่ได้รู้สึกรังเกียจอะไรที่คู่หมั้นของเพื่อนรักจะมาร่วมงานด้วย เพราะรามิลเป็นชายหนุ่มที่นิสัยดี ท่าทางสุภาพ แต่คีรีมันต์ญาติผู้พี่ของไอย์รายานี่สิที่เธอไม่อยากจะให้เขามาร่วมงานด้วยเลย สาเหตุก็เป็นเพราะว่าตลอดระยะเวลาหกเดือนนับตั้งแต่มาเรียนอยู่ที่นี่ ละอองดาวได้รับรู้ถึงกิตติศัพท์ความเป็นหนุ่มเพลย์บอยควงผู้หญิงสวยๆ ไม่ซ้ำหน้า และมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้หญิงทุกคนที่เขาคบหาด้วยมาโดยตลอด
ทำให้ละอองดาวรู้สึกรังเกียจผู้ชายคนนี้ ที่เขาทำเหมือนผู้หญิงเป็นเพียงของเล่นของเขาเท่านั้น รวมทั้งนึกเสียดายและเสียใจที่ผู้หญิงสวยเหล่านั้นยอมมอบร่างกายให้คีรีมันต์เชยชมง่ายๆ ถึงแม้ละอองดาวจะเป็นลูกครึ่งแต่เธอก็ค่อนข้างหัวเก่า เนื่องจากคุณดารารายมารดาของเธอคอยอบรมสั่งสอนให้รักนวลสงวนตัวให้สมกับที่มีเชื้อสายอีกครึ่งหนึ่งเป็นคนไทย ไม่ควรประพฤติตัวเหมือนเด็กสาววัยรุ่นชาวตะวันตกที่ออกเดทกับผู้ชายตั้งแต่อายุยังน้อย
อีกทั้งอเลซซิโอบิดาของเธอก็เป็นคนรักครอบครัวไม่มีนิสัยเจ้าชู้แต่อย่างใด เมื่อได้ยินคำร่ำลือเกี่ยวกับคีรีมันต์ตั้งแต่ก้าวเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยวันแรก ละอองดาวจึงนึกรังเกียจในพฤติกรรมของเขาทันที โดยที่ยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลยด้วยซ้ำ
เมื่อหญิงสาวได้มารู้จักสนิทสนมเป็นเพื่อนรักกับไอย์รายา เธอจึงได้รู้ว่าคีรีมันต์มีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่ของเพื่อนรักแต่ละอองดาวก็ไม่เคยได้พบเจอหรือรู้จักกับเขาแบบจริงจังสักครั้ง สาเหตุก็เพราะว่าคีรีมันต์กับรามิลเรียนปริญญาเอกสาขาบริหารธุรกิจ ซึ่งอยู่คนละตึกกับเธอและไอย์รายาที่เรียนปริญญาโทสาขาการออกแบบเครื่องประดับ อีกทั้งเวลาที่รามิลแวะมาหาไอย์รายาคีรีมันต์ก็ไม่ค่อยว่างมาด้วย เพราะเขาติดออกเดทกับคู่ควงของเขาเสมอ แต่ถ้าหากวันไหนที่คีรีมันต์มากับรามิล ละอองดาวก็จะเป็นฝ่ายหลีกเลี่ยงเขาเอง ถึงแม้ว่าไอย์รายาพยายามจะแนะนำให้เธอได้รู้จักกับคีรีมันต์อยู่หลายครั้งหลายหนก็ตาม แต่หญิงสาวก็มักจะหาเหตุผลหลบหลีกได้ทุกครั้งไป
จนกระทั่งวันหนึ่งรามิลโทรศัพท์มาบอกกับไอย์รายาว่าคีรีมันต์ป่วย แต่วันนี้เขาต้องเดินทางไปนอกเมืองเพื่อดูงานกับทางมหาวิทยาลัยจึงอยู่ดูแลคนป่วยไม่ได้ รามิลจึงขอร้องให้ไอย์รายาช่วยแวะไปดูแลคีรีมันต์ที่ห้องพักแทนเขาด้วย ซึ่งไอย์รายาก็รีบรับคำด้วยความเป็นห่วงญาติผู้พี่ แล้วเพื่อนรักก็มาอ้อนวอนขอร้องให้ละอองดาวเดินทางไปยังห้องพักสุดหรูของคีรีมันต์และรามิลเป็นเพื่อน ถึงแม้ว่าจะไม่อยากไปแต่เธอก็ไม่อาจปฏิเสธเพื่อนรักได้จึงตกปากรับคำไปเป็นเพื่อนไอย์รายา
แต่แล้วสิ่งที่เธอกับไอย์รายาไปพบ ทันทีที่เปิดประตูห้องพักของคนป่วยเข้าไป ก็คือภาพคีรีมันต์กำลังอยู่บนเตียงกับหญิงสาวสวยผมทองในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยเกือบจะหมดตัวอยู่แล้วทั้งคู่ นั่นคือครั้งแรกที่เธอและเขาได้พบเจอหน้ากันแบบตรงๆ ซึ่งช่วยตอกย้ำให้ละอองดาวรู้สึกรังเกียจผู้ชายคนนี้มากขึ้นอีกหลายเท่าตัว เมื่อคิดว่าเขาแกล้งเจ็บป่วยไม่ยอมไปดูงานกับทางมหาวิทยาลัย ก็เพื่อที่จะได้อยู่กับผู้หญิงนั่นเอง
หลังจากวันนั้นละอองดาวก็พบว่าคีรีมันต์มักจะติดตามรามิลมาหาไอย์รายาเสมอ เขาพยายามจีบเธออยู่ตลอดเวลา ทั้งชวนออกเดท ทั้งชวนดินเนอร์สารพัด แต่หญิงสาวก็ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยมาโดยตลอด จนกระทั่งถึงคืนงานวันเกิดของไอย์รายาที่มีผู้ร่วมงานเพียงแค่สี่คนคือ รามิล คีรีมันต์ ไอย์รายาและเธอ ในจังหวะที่ละอองดาวเดินเข้าไปยกเค้กในห้องครัวเพื่อเอาออกมาให้ไอย์รายาเป่า
คีรีมันต์ก็แอบเดินตามหลังเธอเข้าไปในห้องครัวอย่างแผ่วเบาโดยที่หญิงสาวไม่ทันรู้ตัว พอเธอเดินไปถึงโต๊ะวางเค้กและจุดเทียนเรียบร้อย รามิลก็ปิดไฟทั้งบ้านลงพอดี แล้วคีรีมันต์ก็อาศัยจังหวะนั้นขโมยหอมแก้มเธอทั้งสองข้างทันที เท่านั้นยังไม่พอเขายังกระซิบบอกให้เธอเจ็บใจอีกว่า
“แก้มคุณหอมชื่นใจผมที่สุดเลย”
คีรีมันต์ได้รับสิ่งตอบแทนที่เขาบังอาจฉวยโอกาสขโมยหอมแก้มเธอ ด้วยการโดนเค้กทั้งก้อนโปะหน้า ก่อนที่ละอองดาวจะประกาศว่าเธอเกลียดผู้ชายอย่างเขาที่สุด พร้อมทั้งบอกกับไอย์รายาว่าต่อไปนี้ถ้าหากเพื่อนรักของเธอจะไปไหนหรือทำอะไร ถ้าหากมีคีรีมันต์ร่วมด้วยจะไม่มีเธอเป็นอันขาด
หลังจากคืนนั้นคีรีมันต์ก็พยายามมาตามตื้อขอโทษละอองดาวอยู่หลายครั้ง แต่หญิงสาวก็ไม่ให้อภัยและเดินหนีเขาทุกครั้งด้วยความรังเกียจ เป็นโชคดีของเธอที่หลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์คีรีมันต์ก็ถูกเรียกตัวกับศิขรัฐด่วนเนื่องจากบิดาของเขาล้มป่วยหนัก หลังจากคีรีมันต์กลับไปไม่กี่วันไอย์รายาและรามิลก็ต้องเดินทางกลับศิขรัฐเพื่อไปร่วมงานศพบิดาของคีรีมันต์ เมื่อเสร็จพิธีศพแล้วคีรีมันต์ก็ไม่ได้เดินทางกลับมาเรียนต่อ
ไอย์รายาบอกละอองดาวว่าเขาต้องอยู่สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าเผ่าและดูแลกิจการทุกอย่างแทนบิดา ซึ่งทำให้ละอองดาวรู้สึกสบายใจเป็นที่สุดที่เธอจะไม่ได้พบหน้าเขาอีก แต่แล้ววันนี้และตอนนี้เธอกลับถูกเขาลักพาตัวมาอยู่ที่นี่ แถมวันนี้เขายังสร้างความทรงจำอันแสนเลวร้ายให้เธออีกด้วยรอยจูบของเขา
“ฉันอยากจะฆ่าคุณนักคีรีมันต์ ผู้ชายบ้า ฉวยโอกาส จอมลามก” ละอองดาวบ่นพึมพำพลางทุบกำปั้นลงบนขอบหน้าต่างเพื่อระบายอารมณ์
“อ้าว! คุณยืนบ่นอะไรอยู่คนเดียว แล้วทำไมไปทุบขอบหน้าต่างอย่างนั้นล่ะ มันทำอะไรให้คุณโกรธเหรอครับ”
เสียงทุ้มถามขึ้นจากทางด้านหลังอย่างขบขัน ทำให้ละอองดาวต้องหมุนตัวหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขาทันทีด้วยแววตาขุ่นเคืองก่อนจะตอบว่า
“ฉันกำลังสาปแช่งคุณอยู่ต่างหาก”
คีรีมันต์หัวเราะเบาๆ อย่างขบขันเมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาวก่อนจะพูดว่า
“ดีใจจังที่คุณคิดถึงผมทุกลมหายใจ”
“ไม่ต้องดีใจไปหรอก เพราะว่าฉันไม่ได้คิดถึงคุณด้วยความรู้สึกดีๆ แน่นอน แล้วก็ฉันขอบอกอีกครั้งนะ ว่าให้คุณพาฉันกลับไปส่งที่บ้านของไอย์เดี๋ยวนี้ คุณไม่มีสิทธิ์ลักพาตัวฉันมาที่นี่”
ท้ายประโยคหญิงสาวออกคำสั่งเสียงเข้ม คีรีมันต์มองใบหน้าสวยหวานของละอองดาวพลางส่ายหน้าอย่างอ่อนใจก่อนจะพูดว่า
“ผมบอกคุณแล้วไงว่าผมไม่ได้ลักพาตัวคุณมา”
“คุณไม่ต้องมาโกหกเลยฉันไม่ใช่เด็กสามขวบนะ” ละอองดาวว่า
“ผมรู้มานานแล้วล่ะน่าว่าคุณไม่ใช่เด็กอายุสามขวบก็น่ากอดน่าจูบซะขนาดนั้น” คีรีมันต์พูดยิ้มๆ พลางมองสบตาหญิงสาวด้วยนัยน์ตาพราวระยับอย่างมีความหมาย ทำเอาละอองดาวถึงกับใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที
“ถ้าคุณไม่ได้ลักพาตัวฉันมาแล้วฉันจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง คุณคิดจะลักพาตัวฉันมาทำมิดีมิร้ายใช่ไหม ผู้ชายทุเรศ” ละอองดาวถามเสียงเข้ม คีรีมันต์เลยหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนพูดว่า
“นี่คุณผู้หญิงถ้าผมคิดจะลักพาตัวคุณมาทำมิดีมิร้ายจริงๆ ผมคงทำไปตั้งแต่ตอนที่คุณยังไม่ฟื้นแล้วล่ะ เรื่องอะไรผมจะปล่อยให้คุณฟื้นขึ้นมายืนด่าผมแบบนี้ล่ะ คุณลองตั้งสติคิดดูดีๆ สิครับ”
ละอองดาวอึ้งไปทันทีเมื่อฟังชายหนุ่มพูดจบประโยคพลางเริ่มคิดทบทวนตามที่เขาพูด จริงสินะ ถ้าหากว่าคีรีมันต์คิดจะทำอะไรเธอจริงๆ เขาก็น่าจะทำไปแล้วตั้งแต่ตอนที่เธอยังไม่ได้สติแต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรเลย
“เอาล่ะ ถ้าคุณเข้าใจแล้ว เราจะได้เริ่มคุยกันดีๆ ซะที ไปนั่งคุยกันที่โต๊ะดีกว่านะละอองดาว”
คีรีมันต์บอกเมื่อสังเกตเห็นว่าหญิงสาวมีทีท่าอ่อนลงบ้างแล้ว ก่อนที่เขาจะหมุนตัวเดินนำเธอไปที่ชุดรับแขกขนาดเล็กมุมห้อง ละอองดาวยืนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตัดสินใจก้าวตามเขาไป