3 นายแบบร้านดอกไม้   1/    
已经是第一章了
3 นายแบบร้านดอกไม้
“ฮะๆๆ อะไรนะ เมื่อกี๊เธอบอกว่าหนุ่มคามิลล่าจอมเจ้าชู้คนนั้นจีบเธอด้วยเหรอ” ชยางกูรหัวเราะเสียงดังลั่น เมื่อรวีรินเล่าเหตุการณ์การพบกับอนรรฆซึ่งหน้าเป็นครั้งแรกในวันเสาร์ที่ผ่านมาให้ฟัง ในเช้าวันจันทร์ทันทีที่เจอหน้ากันที่โรงเรียน “ก็ใช่น่ะสิ ฉันล่ะเชื่อหมอนั่นจริงๆ เลยกล้าจีบผู้หญิงอีกคน ทั้งที่ตัวเองกำลังจะซื้อดอกไม้ไปให้ผู้หญิงอีกคนนี่นะ หน้าด้านชะมัด” รวีรินบ่น ชยางกูรหันมามองหน้าเพื่อนสาวคนสนิทก่อนจะพูดยิ้มๆ ว่า “แหม ก็เธอมันสวยสะดุดตานี่ ถ้าฉันไม่ได้เป็นเพื่อนสนิทกับเธอมาตั้งแต่เด็ก สงสัยฉันต้องจีบเธอแหงๆ เลยริน” “พอๆ นายชัตเตอร์ไม่ต้องมาชมกันเองฉันไม่ปลื้มหรอกนะ แล้วยิ่งถูกผู้ชายเจ้าชู้อย่างหมอนั่นมาจีบฉันยิ่งไม่ปลื้มใหญ่” “หึๆ แต่เค้าคงไม่กล้าจีบเธอแล้วมั้ง ก็รู้แล้วนี่ว่าเธอเป็นใคร” ชยางกูรพูดพลางยกกล้องถ่ายรูปในมือขึ้นมาส่องดูแล้วขยับปรับเลนส์ไปมา “ก็ลองกล้ามาจีบฉันอีกทีสิแม่จะด่าให้” รวีรินพูดอย่างอารมณ์เสีย ชยางกูรลดกล้องในมือลง มองเพื่อนสาวคนสนิทยิ้มๆ ก่อนจะพูดว่า “ระวังนะริน เคยได้ยินมั้ย พวกผู้ชายเค้าชอบพูดกันว่าผู้หญิงด่าเค้าว่าผู้หญิงรัก” “เชอะ ก็เพราะไอ้ผู้ชายพวกนั้นคิดเข้าข้างตัวเองน่ะสิ งั้นฉันจะเปลี่ยนใหม่ก็ได้จากด่าเป็นตบแทนดีมั้ย ดูซิว่าผู้ชายคนนั้นยังจะคิดว่าผู้หญิงรักลงรึเปล่า” “ถ้าตบนี่ยิ่งแสดงว่ารักมากเลยนะ อ้อ ระวังอย่าเผลอไปตบหนุ่มเจ้าชู้คามิลล่าเข้าล่ะ เดี๋ยวเธอจะโดนจูบกลับมาน้า” ชยางกูรพูดล้อๆ รวีรินแยกเขี้ยวใส่เพื่อนสนิททันทีพลางเงื้อมือขึ้นแล้วพูดว่า “งั้นฉันขอประเดิมตบนายก่อนเลยแล้วกันชัตเตอร์ ดูซิว่านายจะกล้าจูบฉันมั้ย เพราะถ้านายจูบฉันนายจะโดนกระทืบแน่ไอ้ตัวกวนประสาท” “โอ๊ย! ยัยรวีรินเธออย่ามาทำซาดิสม์กับฉันนะ ห้ามเธอเอาฝ่ามือเธอมาตบใบหน้าหล่อๆ ของฉันเด็ดขาด นี่เป็นสมบัติอันล้ำค่าของบรรดาแฟนคลับฉันนะ แล้วต่อให้เธอตบฉันจนตายฉันก็จูบเธอไม่ลงหรอกเดี๋ยวฟ้าผ่าตาย” ชยางกูรร้องพลางเอียงตัวหลบฝ่ามือของรวีรินพัลวัน แต่ก็ไม่พ้นโดนหญิงสาวฟาดฝ่ามือเข้าที่ต้นแขนถึงสองสามทีจนได้ “อะไรนะ! นายบอกว่าลูกสาวร้านขายดอกไม้ที่นายสั่งดอกไม้ประจำสวยมากงั้นเหรอ” คณาธิปถามยิ้มๆ พลางตักผัดมะกะโรนีส่งเข้าปาก ขณะนี้สี่หนุ่มรูปหล่อแห่งคามิลล่า ยูนิเวอร์ซิตี้ กำลังนั่งรับประทานอาหารอยู่ในร้านอาหารชื่อดังซึ่งมีอาหารนานาชาติให้เลือกรับประทานมากมาย กลางห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองหลังจากเลิกเรียน “ใช่ ฉันก็เพิ่งจะได้เห็นหน้าเด็กคนนั้นเมื่อวันเสาร์นี่เองสวยคมเชียวล่ะ” อนรรฆตอบพลางอมยิ้มนิดๆ ก่อนตักข้าวผัดอเมริกันส่งเข้าปากตนเอง “เด็กคนนั้นคงจะเคลิ้มเลยล่ะสิพอเห็นหน้านาย” คณาธิปคาดเดายิ้มๆ เพราะรู้ดีว่าอนรรฆมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามอยู่แล้ว แถมเพื่อนรักของเขายังชอบหว่านเสน่ห์เรี่ยราดอีกต่างหากด้วย “เคลิ้มที่ไหนกันล่ะ เค้าทำท่าทางไม่อยากจะรู้จักกับฉันด้วยซ้ำ พูดด้วยดีๆ ก็ย้อนกลับมาซะฉันอึ้งรับประทานไปตั้งหลายรอบ” อนรรฆบ่น “ไอ้พูดด้วยดีๆ ของนายน่ะพูดแบบไหนกันล่ะ” ภานุวัฒน์ถามขึ้นบ้าง “ฉันว่ามันต้องพูดจีบเค้าแน่ๆ แล้วก็เลยโดนเค้าตอกหน้าหงายกลับมาไง” ทิวากรซึ่งกำลังนั่งก้มหน้าก้มตารับประทานสเต็กเนื้ออยู่เงียบๆ เงยหน้าขึ้นมาพูด อนรรฆทำหน้าเซ็งก่อนจะพูดว่า “ฉันเกลียดนายมากเลยทิม นายจะรู้ทันฉันไปถึงไหนนะ” “เฮอะ ถ้าฉันไม่รู้ทันนาย ฉันจะเป็นเพื่อนรักกับนายมาตั้งหลายปีเพื่ออะไรกัน” ทิวากรย้อนกลับมา “เออ ขอบใจนะไอ้เพื่อนรัก ฉันนึกว่านายเป็นเพื่อนแค้นฉันซะอีก เห็นคอยพูดประชดประชันซ้ำเติมฉันอยู่เรื่อย” “สรุปว่านายไปพูดจีบเด็กคนนั้นใช่มั้ยไอเฟล” ภานุวัฒน์ถามซ้ำ “ก็ตอนแรกฉันไม่รู้ว่าเป็นลูกสาวเจ้าของร้านนี่ นึกว่าเป็นพนักงานใหม่ ก็เลย...จีบ” อนรรฆยอมรับเสียงอ่อย คณาธิปส่ายหน้ายิ้มๆ พลางพูด “ไอ้ขี้หลีเอ๊ย! หึๆๆ แต่ก็แปลกนะ ปกติพวกสาวๆ จะหลงเสน่ห์นายกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะสาวมัธยมหรือสาวมหาวิทยาลัย แล้วทำไมคนนี้ไม่ปลื้มนายล่ะ เรทติ้งนายตกรึไง” “เห็นพี่สาพนักงานที่ร้านดอกไม้บอกว่าเค้าไม่ชอบคนเจ้าชู้อยู่แล้ว แถมยังมารู้ว่าฉันส่งช่อกุหลาบแดงให้ผู้หญิงวันละตั้งเป็นสิบคนอีก แล้วอะไรก็ไม่ร้ายเท่ากับเด็กคนนั้นดันไปเห็นเหตุการณ์ วันที่ยิหวากับจุ๊บแจงเจอกันในร้านอาหารญี่ปุ่นด้วยน่ะสิ ฉันเลยยิ่งเลวร้ายในสายตาเด็กคนนั้นเข้าไปใหญ่” “อ๋อ สักขีพยานตอนรถไฟชนกัน” ภานุวัฒน์พยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงว่าเข้าใจ “นั่นแหละทำให้ฉันถูกเด็กคนนั้นขึ้นบัญชีดำเลยนะ ประมาณว่าขนาดฉันบอกชื่อฉันเค้ายังย้อนกลับมาเลย ว่าเค้าไม่อยากรู้ไม่ต้องบอก ฉันงี้อึ้งเลย” “ฉันชักอยากจะเจอเด็กคนนี้แล้วสิ พูดได้ประทับใจฉันมาก แต่ท่าทางเหมือนนายเสียดายนะไอเฟล ที่เด็กคนนั้นไม่ปลื้มนายน่ะ” คณาธิปพูดยิ้มๆ “นายคงไม่คิดจะจีบเด็กคนนั้นมาไว้ในสต๊อกของนายหรอกนะไอเฟล” ทิวากรดักคออนรรฆทันที “เฮ้ย! จีบไม่ได้หรอก ฉันสนิทกับแม่เค้ามากจะไปจีบเล่นๆ ได้ไง แล้วอีกอย่างเด็กคนนั้นยังเรียนอยู่แค่ม.หกเอง” อนรรฆพูด “พูดอย่างงี้แสดงว่านายก็อยากจะจีบเค้าอยู่เหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าสนิทกับแม่เค้า แล้วก็ถ้าเด็กคนนั้นไม่ได้เรียนอยู่ม.ปลาย” ภานุวัฒน์พูดยิ้มๆ พลางยกแก้วไวน์ขาวขึ้นดื่ม “อย่าทำแบบนั้นเชียวนะไอเฟล นายพูดเองไม่ใช่เหรอว่าจะไม่ยุ่งกับเด็กม.ปลาย แล้วยิ่งลูกสาวคนรู้จักกันนายยิ่งไม่ควรไปจีบลูกสาวเค้าเล่นๆ ด้วย” ทิวากรพูดขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่คณาธิปกลับยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะพูดขึ้นว่า “แต่ถ้าไอเฟลไม่ได้คิดจะจีบเด็กคนนั้นเล่นๆ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ทิม” “พูดอะไรของนายวะคีน ไอ้จอมกะล่อนนี่น่ะเหรอจะคิดจริงจังกับใคร ที่ฉันเตือนก็เพราะหวังดีหรอกนะ ไม่อยากให้มันโดนแม่ของเด็กคนนั้นเกลียดขี้หน้าเอาเพราะไปจีบลูกสาวเค้า” ทิวากรพูดพลางใช้ส้อมชี้หน้าอนรรฆ “เออๆ ฉันรู้แล้วน่า ไอ้คุณทิวากร ฉันไม่คิดจะจีบเด็กคนนั้นหรอก ก็บอกแล้วไงว่าเด็กม.ปลายไม่ใช่สเป็คฉัน” อนรรฆพูดอย่างรำคาญๆ พลางมองเพื่อนสนิทอย่างเคืองๆ แต่คณาธิปก็ยังคงพูดยั่วเย้าต่อไปอีกว่า “ปีนี้ยังเป็นเด็กม.หกอยู่ แต่ปีหน้าก็เป็นเด็กมหาวิทยาลัยแล้วนี่จีบไว้ก่อนก็ไม่เห็นจะเสียหายเลย” “คีนนายกำลังพูดให้ไอ้จอมเจ้าชู้มันไขว้เขวอยู่นะ” ภานุวัฒน์แย้งคณาธิปขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ อย่างรู้ทัน ว่าอีกฝ่ายกำลังจงใจยั่วยุให้อนรรฆจีบเด็กสาวรุ่นน้องคนนั้น “นั่นสิ ก็รู้ๆ อยู่ว่าไอ้นี่มันบ้าผู้หญิงสวย” ทิวากรว่า “เอาล่ะๆ พวกนายไม่ต้องพูดแล้ว ฉันก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ยุ่งกับเด็กคนนั้นหรอก เพราะท่าทางเค้าก็ไม่ค่อยจะชอบหน้าฉันซักเท่าไหร่ ฉันขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ” พูดจบอนรรฆก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปจากโต๊ะทันที ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดใจแบบแปลกๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ “หมอนั่นกำลังหงุดหงิด” คณาธิปพูดเปรยๆ ก่อนจะหัวเราะเบาๆ ในลำคอ “นายกำลังคิดจะทำอะไรน่ะไอ้จอมเจ้าเล่ห์คีน นายไปยุให้ไอเฟลจีบเด็กคนนั้นทำไม” ภานุวัฒน์ถามอย่างไม่เข้าใจ คณาธิปยิ้มก่อนจะพูดออกมาหน้าตาเฉยว่า “พวกนายดูไม่ออกรึไงว่าไอเฟลมันสนใจเด็กคนนั้น ปกติมันไม่เคยพูดถึงพวกสาวๆ ที่มันควงอยู่ด้วยน้ำเสียงชื่นชมแบบนี้กับพวกเราเลยนะ ไม่ว่าจะยัยยิหวา ยัยรานี ยัยจุ๊บแจง แล้วก็ยัยอะไรต่อมิอะไรนั่นน่ะ แต่มันบอกว่าเด็กคนนั้นสวยคมเชียว แถมตอนพูดมันยังอมยิ้มอีกต่างหาก” “เออ แล้วไงล่ะ นายเห็นมันสนใจเด็กคนนั้น ก็เลยจะยุให้มันจีบจริงๆ รึไง” ทิวากรถาม “อ้าว ก็เผื่อไอ้เพลย์บอยของเรามันจะเจอรักแท้ซะทีไง” คณาธิปพูด “กับเด็กม.ปลายที่ไม่ใช่สเป็คของมันนี่นะ” ภานุวัฒน์ถามอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นไปได้ “เวรกรรมของเด็กคนนั้นชะมัด ถ้าไอ้จอมเจ้าชู้เกิดไปจีบเข้าจริงๆ” ทิวากรพูดพลางส่ายหน้า คณาธิปหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามขึ้นว่า “พวกนายไม่คิดบ้างเหรอ ว่าบางทีเด็กคนนั้นอาจจะหยุดความเจ้าชู้ของเพื่อนรักเราได้ ถ้าหากไอเฟลชอบเค้าจริงๆ” “รอให้น้ำท่วมโลกก่อนเถอะ ไอ้คนเจ้าชู้แบบนั้นถึงจะเลิกเจ้าชู้ได้” ทิวากรพูด “หึๆๆ มันก็ไม่แน่หรอกน่าทิม” คณาธิปพูดยิ้มๆ “สวัสดีครับ น้าวรรณ พี่สา พี่ฝน” อนรรฆส่งเสียงทักทายอย่างร่าเริง เมื่อผลักประตูร้านดอกไม้เข้ามา “สวัสดีค่ะคุณไอเฟล ทำไมวันนี้มาซะเย็นเลยล่ะคะน้านึกว่าวันนี้จะไม่แวะเข้ามาซะแล้ว แล้วนั่นหอบหิ้วข้าวของพะรังพะรังจะไปไหนเหรอคะ” คุณรวีวรรณถามขึ้น เมื่อเห็นอนรรฆก้าวเข้ามาภายในร้านตอนเกือบจะห้าโมงเย็น พร้อมทั้งถุงขนมเบเกอรี่จากร้านเบเกอรี่ชื่อดังแห่งหนึ่ง “ก็หอบหิ้วมาที่นี่แหละครับ พอดีผมไปกินข้าวกับเพื่อนๆ มา ก็เลยซื้อขนมมาฝากทุกคนด้วยครับ” ชายหนุ่มตอบยิ้มๆ พร้อมทั้งวางถุงขนมลงบนเคาเตอร์ “ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์ซื้อมาฝาก แต่ทำไมซื้อมาตั้งเยอะแยะขนาดนี้ล่ะคะ” คุณรวีวรรณถาม “ก็ผมไม่รู้ว่าใครชอบทานอะไรบ้างนี่ครับ ก็เลยซื้อมาหลายๆ อย่าง” อนรรฆตอบ “ต๊าย! คุณไอเฟลนี่น่ารักจริงๆ เลยนะคะ มิน่าล่ะสาวๆ ถึงได้ติดกันตรึมเลย” นิสาพูดขึ้นยิ้มๆ “ใช่ค่ะ น่ารักมากๆ เลย” น้ำฝนสนับสนุนขึ้นมาทันที “ถ้าน่ารัก ก็รักผมมากๆ นะครับ” อนรรฆพูดกับสองสาวรุ่นพี่พร้อมทั้งหยอดคำหวานยิ้มๆ ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับร่างโปร่งบางในชุดนักเรียนโรงเรียนเซนต์แองเจล่า ซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตากดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปในมือ ถ่ายภาพแจกันดอกไม้กับช่อดอกไม้ ที่ถูกจัดไว้อย่างงดงามเรียบร้อยแล้วเพื่อเตรียมจัดส่งในวันรุ่งขึ้น ด้วยท่าทางเอาจริงเอาจังและไม่สนใจใครทั้งสิ้น ไม่แม้แต่จะหันมามองด้วยซ้ำ ทั้งที่อนรรฆและคนอื่นก็ออกจะพูดคุยกันเสียงดัง “เอ น้องเค้าถ่ายรูปแจกันดอกไม้กับช่อดอกไม้ไปทำไมเหรอครับน้าวรรณ ท่าทางจริงจังเชียว” อนรรฆหันกลับมาถามคุณรวีวรรณ “อ๋อ พอดีว่าช่วงนี้มีคนมาสั่งให้น้าไปจัดดอกไม้นอกสถานที่บ่อยน่ะค่ะ เพราะลูกค้าที่เคยไปจัดให้เค้าช่วยบอกต่อๆ กันไป ทำให้ที่ร้านมีงานเยอะขึ้น น้าก็เลยอยากจะทำแคตตาล็อกตัวอย่างการจัดดอกไม้เอาไว้ให้ลูกค้าดูค่ะ เผื่อบางคนเค้าดูตัวอย่างแล้วชอบแบบไหน ก็จะได้เลือกแบบที่ชอบมาเลย เราก็จะได้จัดตามแบบที่เค้าชอบเลย ไม่ต้องเสียเวลามาอธิบายว่าจะจัดแบบไหน แล้วบางทีลูกค้าก็นึกภาพไม่ออกด้วยค่ะ” “อ๋อ ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ แชะๆๆ อนรรฆหันกลับไปมองรวีรินอีกครั้ง แล้วก็เห็นว่าหญิงสาวรุ่นน้องกำลังเดินวนถ่ายรูปแจกันดอกไม้กับช่อดอกไม้ไปรอบโต๊ะ ด้วยท่าทางชำนิชำนาญอย่างทึ่งๆ ก่อนจะหันไปถามคุณรวีวรรณอีกว่า “น้องรินเรียนถ่ายรูปมาเหรอครับน้าวรรณ” “ค่ะ พอดีอยู่ที่โรงเรียนรินเค้าเป็นรองประธานชมรมถ่ายภาพน่ะค่ะ” คุณรวีวรรณตอบพลางมองดูลูกสาวอย่างชื่นชม อนรรฆเองก็มองหญิงสาวเพลินเหมือนกัน เพราะรวีรินดูชำนาญการใช้กล้องมาก ทั้งท่าทางการจับกล้อง การปรับเปลี่ยนมุมการถ่ายภาพ เพื่อให้ได้มุมที่สวยงามแสงและเงาตกกระทบพอดี ชายหนุ่มอมยิ้มนิดๆ เมื่อเห็นท่าทางราวกับช่างภาพมืออาชีพก็ไม่ปานของหญิงสาวรุ่นน้อง “ความจริงถ่ายแต่รูปการจัดช่อดอกไม้ แล้วก็การจัดแจกันมันก็ธรรมดาเกินไปนะคะคุณวรรณ” นิสาซึ่งยืนจัดช่อดอกไม้อยู่กับน้ำฝนที่โต๊ะข้างๆ พูดขึ้น คุณรวีวรรณขมวดคิ้วนิดหนึ่งก่อนจะถามยิ้มๆ ว่า “แล้วทำยังไง มันถึงจะไม่ธรรมดาล่ะจ๊ะคุณนิสา” “สาว่าเราน่าจะมีคนถ่ายรูปคู่กับช่อดอกไม้ด้วยนะคะคุณวรรณ” นิสาออกความเห็น คุณรวีวรรณหัวเราะเบาๆ อย่างขบขันก่อนจะแซวว่า “ทำแคตตาล็อกตัวอย่างการจัดดอกไม้แค่นี้ต้องใช้นางแบบถ่ายคู่เชียวเหรอจ๊ะ” “แต่ผมว่าก็แหวกแนวดีเหมือนกันนะครับน้าวรรณ” อนรรฆพูดขึ้นบ้าง “เหรอคะ ถ้างั้นจะเอาใครเป็นนางแบบดีล่ะสาหรือฝนดี” คุณรวีวรรณถามขึ้นแต่สองสาวพากันส่ายหน้าทันที “ไม่เอาหรอกค่ะคุณวรรณ สาไม่สวย เดี๋ยวจะไปทำให้ดอกไม้สวยๆ หมองหมด” “ฝนก็ไม่เอาค่ะ ฝนอายกล้อง” “อ้าว! สองสาวปฏิเสธกันหมด แล้วจะให้ใครเป็นนางแบบกันล่ะจ๊ะ” “ให้น้องรินเป็นนางแบบสิคะ น้องรินสวยออกเหมาะกับดอกไม้สวยๆ” น้ำฝนเสนอขึ้นทันที “ให้รินเป็นนางแบบ แล้วใครจะเป็นตากล้องล่ะคะพี่ฝน” เสียงรวีรินพูดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่อนรรฆก้าวเข้ามาภายในร้าน ทำให้ชายหนุ่มรู้ว่าแม้อีกฝ่ายจะตั้งอกตั้งใจอยู่กับการถ่ายรูปแบบเงียบๆ แต่ก็ยังฟังการสนทนาของคนอื่นอยู่ด้วย “นั่นสิ เพราะงั้นก็เลิกคิดเรื่องนางแบบดีกว่า ให้รินถ่ายแต่แจกันกับช่อดอกไม้น่ะดีแล้วล่ะจ้ะ” คุณรวีวรรณพูดยิ้มๆ “ถ้าไม่ใช่นางแบบแต่เป็นนายแบบได้มั้ยคะ” เสียงนิสาถามขึ้นอีก “จะไปหานายแบบที่ไหนมาล่ะจ๊ะ ฉันไม่มีปัญญาไปจ้างนายแบบมาถ่ายแบบให้ร้านดอกไม้เล็กๆ ของเราหรอกนะ” คุณรวีวรรณพูดอย่างนึกขำ “ก็คุณไอเฟลไงคะ คุณไอเฟลออกจะหล่อเป็นนายแบบได้สบายอยู่แล้ว” นิสาพูดขึ้นทันที ทำให้ทุกคนต้องพากันหันมามองอนรรฆเป็นตาเดียวกันไม่เว้นแม้แต่รวีริน ขณะที่คนถูกมองทำหน้าเหลอชี้นิ้วเข้าหาตัวเองพลางถาม “ผมเหรอครับ” “จริงด้วยค่ะ คุณไอเฟลหล่อมากเป็นนายแบบได้สบายๆ อยู่แล้วค่ะ ให้คุณไอเฟลช่วยเป็นนายแบบให้ร้านเราสิคะ” น้ำฝนสนับสนุน “ไม่เอาหรอกจ้ะ ก็แค่พูดกันเล่นๆ เท่านั้นเองรบกวนคุณไอเฟลเปล่าๆ” คุณรวีวรรณพูดขึ้น “จริงด้วยค่ะ รินก็ไม่เห็นด้วย ทำให้คนอื่นเสียเวลาเปล่าๆ เกรงใจค่ะ” รวีรินรีบเสริมคำพูดของมารดาทันที อนรรฆหันไปมองหน้าหญิงสาวรุ่นน้องทันที แล้วก็อมยิ้มเมื่อนึกรู้ว่าที่รวีรินไม่อยากให้เขาเป็นนายแบบให้เธอถ่ายรูปนั้น สาเหตุที่แท้จริงก็เพราะว่าหญิงสาวไม่ชอบเขานั่นเอง ความรู้สึกอยากจะแกล้งหญิงสาวรุ่นน้องทำให้ชายหนุ่มพูดขึ้นมาว่า “ผมจะเป็นนายแบบให้ก็ได้ครับน้าวรรณ ฟรีครับ ไม่คิดค่าตัว แล้วก็ไม่ต้องเกรงใจนะครับ เพราะผมว่างๆ อยู่พอดี” ท้ายประโยคอนรรฆหันไปสบตากับรวีรินที่กำลังจ้องมองเขาเขม็งอยู่ยิ้มๆ “แต่ว่า...มันจะดีเหรอคะ น้าเกรงใจ” “ดีสิครับน้าวรรณ แล้วน้าวรรณก็ไม่ต้องเกรงใจผมหรอกครับ ผมเต็มใจมากๆ เลย” อนรรฆพูดยิ้มๆ และยังคงสบตารวีรินอยู่ ยิ่งเห็นหญิงสาวทำท่าไม่พอใจเขายิ่งนึกสนุกที่ได้แกล้งอีกฝ่าย ก็ในเมื่อเธอไม่ชอบหน้าเขา ไม่อยากพูดกับเขาและไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับเขานัก อนรรฆก็อยากรู้ว่ารวีรินจะทำยังไงต่อไป ถ้าต้องมาถ่ายรูปเขา ซึ่งทำให้ต้องมองหน้าเขา พูดคุยกับเขาและต้องยุ่งเกี่ยวกับเขาตลอดเวลา แค่นึกชายหนุ่มก็รู้สึกครึ้มอกครึ้มใจแล้ว ต้องสนุกแน่ๆ เลยงานนี้ ความจริงแล้วอนรรฆก็ไม่ได้ชอบถ่ายรูปนักหรอก ขนาดเคยมีโมเดลลิ่งมาชวนเขาไปเป็นนายแบบและดารา ชายหนุ่มยังปฏิเสธเลย แต่คราวนี้เป็นกรณียกเว้น สาเหตุก็เพราะว่าช่างภาพไม่ชอบหน้าเขาส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งก็คือเขาอยากแกล้งช่างภาพคนสวยที่กำลังมองเขาตาขวางอย่างรู้เจตนาของเขาอยู่ด้วย “เอาเลยค่ะคุณวรรณ คุณไอเฟลอุตส่าห์ยอมเป็นนายแบบให้แล้ว” นิสายุ “จริงด้วยค่ะ แล้วเดี๋ยวขยายรูปคุณไอ้เฟลใบใหญ่ๆ ไปติดไว้ที่หน้าร้านด้วยนะคะ เป็นพรีเซ็นเตอร์ร้านเราเลย รับรองต้องเรียกลูกค้าได้แน่ๆ เลยค่ะ” น้ำฝนสนับสนุนขึ้นอีกคน “ตกลงให้ผมเป็นนายแบบให้นะครับน้าวรรณ ผมอยากเป็นนายแบบจริงๆ นะครับ” อนรรฆพูดขึ้นอีก ยิ่งเห็นรวีรินทำท่าหงุดหงิดเขายิ่งขำ เด็กหนอเด็กชายหนุ่มนึกอยู่ในใจ “ถ้าคุณไอเฟลไม่คิดว่าเป็นการรบกวนน้าก็ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ” “เย้ๆๆ” นิสากับน้ำฝนเฮลั่นทันที ส่วนรวีรินนั้นได้แต่มองชายหนุ่มจอมเจ้าชู้อย่างหงุดหงิดหัวใจ แต่อนรรฆกำลังมองตอบหญิงสาวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและแววตายั่วเย้า “นายแบบพร้อมรึยังล่ะ จะได้ถ่ายๆ ให้มันเสร็จๆ ซะที” รวีรินถามมาด้วยน้ำเสียงห้วนๆ อนรรฆยิ้มหวานแล้วตอบกลับไปหน้าตาเฉยว่า “วันนี้ยังไม่พร้อมครับ ขอเป็นพรุ่งนี้แล้วกันอยากจะแต่งตัวให้หล่อๆ กว่านี้” “โอ๊ย แค่นี้ก็หล่อจะแย่แล้วค่าคุณไอเฟล” นิสาพูดขึ้น “นั่นสิคะ จะหล่อไปถึงไหนกันคะ” น้ำฝนถาม “ยังไม่หล่อพอครับ ต้องหล่อกว่านี้” “เรื่องมากนัก ก็ไม่ต้องถ่ายมันหรอก ขี้เกียจ” รวีรินพูดสวนขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงแข็งๆ เลยโดนมารดาหันไปเอ็ดทันทีเช่นกัน “ยัยรินพูดดีๆ หน่อยสิลูก พี่เค้าอุตส่าห์มีน้ำใจจะเป็นนายแบบให้ร้านเรานะ น้าขอโทษแทนลูกสาวด้วยนะคะ ยัยคนนี้เค้าขี้หงุดหงิดน่ะค่ะ” “ไม่เป็นไรหรอกครับน้าวรรณ ผมอาจจะเรื่องมากไปจริงๆ ขอโทษนะครับน้องริน” อนรรฆพูดกับรวีรินยิ้มๆ หญิงสาวมองค้อนเขาอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันไปบ่นพึมพำอยู่คนเดียวว่า “เชอะ! นายคนโปรด แตะนิดแตะหน่อยไม่ได้เลย” “ถ้าคุณไอเฟลพร้อมจะถ่ายรูปพรุ่งนี้ก็ตามใจคุณไอเฟลค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้น้าจะจัดร้านให้สวยๆ แล้วก็เตรียมจัดแจกันกับช่อดอกไม้เอาไว้หลายๆ แบบด้วยค่ะ” คุณรวีวรรณบอกชายหนุ่มยิ้มๆ อนรรฆพยักหน้ารับก่อนจะขอตัวกลับคอนโดที่พักของตัวเอง “ไอเฟล นายอย่าเพิ่งกลับนะ เดี๋ยววันนี้ไปซ้อมดนตรีที่บ้านโยด้วยกัน” คณาธิปบอกอนรรฆ เมื่อสัญญาณออดหมดเวลาเรียนชั่วโมงสุดท้ายดังขึ้น “นายต้องบอกมันว่ามันต้องไปซ้อมดนตรีกับพวกเรา ไม่ใช่แค่ชวนมันเฉยๆ นะคีน ไอ้ขี้หลีนี่มันโดดซ้อมมาหลายครั้งแล้ว เพราะมัวแต่ติดนัดพวกสาวๆ อยู่นั่นแหละ” ทิวากรพูดขึ้นพลางเก็บหนังสือเรียนใส่เป้สะพาย “เฮ้! วันนี้ฉันไปซ้อมกับพวกนายไม่ได้หรอกฉันมีธุระสำคัญต้องรีบไป” อนรรฆปฏิเสธทันทีพลางเหวี่ยงเป้ขึ้นสะพายบนไหล่ “ธุระสำคัญอะไรของนาย ยิ่งใกล้จะถึงงานวันก่อตั้งมหาวิทยาลัยแล้วด้วย พวกเราต้องซ้อมให้มันชัวร์ๆ นะไอเฟล” ภานุวัฒน์พูดขึ้น “คนอย่างไอ้จอมเจ้าชู้นี่จะมีธุระอะไร มันก็คงจะติดนัดสำคัญกับสาวๆ อีกตามเคยน่ะสิ” ทิวากรพูดอย่างเอือมๆ พลางส่ายหน้า “ฉันมีธุระสำคัญจริงๆ นะ ไม่ได้ติดนัดไปเที่ยวกับสาวๆ” “ไหนลองแถลงภารกิจสำคัญของนายมาซิ ถ้ามันฟังขึ้นฉันจะให้นายไป แต่ถ้ามันฟังไม่ขึ้นยังไงๆ วันนี้พวกฉันสามคนก็จะลากนายไปซ้อมดนตรีให้ได้” คณาธิปพูดพลางกอดอกมองหน้าอนรรฆ “ฉันจะไปเป็นนายแบบให้เค้าถ่ายรูป” อนรรฆตอบ “ชิ! โกหกชัดๆ ใครๆ ก็รู้ว่านายไม่ชอบถ่ายรูป นายถึงปฏิเสธไม่ยอมเป็นนายแบบตอนที่โมเดลลิ่งติดต่อมา” คณาธิปพูดขึ้นอย่างไม่เชื่อถือ ภานุวัฒน์กับทิวากรก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับคำพูดของคณาธิป “ฉันไม่ได้โกหกนะ ฉันจะไปเป็นนายแบบถ่ายรูปให้ร้านดอกไม้ที่ฉันสั่งประจำไง” “ฮะ! นายแบบร้านดอกไม้งั้นเหรอ” ภานุวัฒน์ทวนถามเสียงสูง ขณะที่คณาธิปกับทิวากรกำลังมีสีหน้าประหลาดใจสุดๆ “นายเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ยอมไปเป็นนายแบบให้ร้านดอกไม้ ทั้งที่เกลียดการถ่ายรูปอย่างกับอะไรดี” ทิวากรถามขึ้นบ้างพลางจับสังเกตสีหน้าของอนรรฆ “ก็ไม่มีอะไร พอดีคุณน้าวรรณเค้าอยากได้นายแบบถ่ายรูปคู่กับดอกไม้ที่ร้าน แล้วพวกพี่ๆ พนักงานที่ร้านขอให้ฉันเป็นนายแบบให้ฉันก็เลยรับปากไป” “นายรับปากง่ายขนาดนั้นเชียวทั้งที่ไม่ชอบถ่ายรูปนี่นะ” ภานุวัฒน์พูดเปรยๆ และจ้องหน้าอนรรฆอีกคน คณาธิปหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามว่า “มีนางแบบถ่ายด้วยรึเปล่า” “ไม่มี ฉันถ่ายกับดอกไม้คนเดียว” อนรรฆตอบทันที “แล้วถ่ายรูปกันที่ไหน” ภานุวัฒน์ถามมาอีก “ก็ถ่ายที่ร้านนั่นแหละ” “ถ้างั้นใครเป็นช่างภาพ ฉันไม่คิดว่าร้านดอกไม้เล็กๆ จะลงทุนจ้างช่างภาพมาถ่ายรูปหรอกนะ เพราะค่าจ้างมันแพง” ทิวากรดักคออนรรฆและจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา พอกับภานุวัฒน์กับคณาธิป อนรรฆหลบตาเพื่อนๆ ก่อนอ้อมแอ้มตอบว่า “ก็...ลูกสาวน้าวรรณเป็นช่างภาพ พอดี...เด็กคนนั้นอยู่ชมรมถ่ายภาพ เป็นรองประธานชมรมด้วย” “ฮะๆๆ นั่นไงเหตุผลที่มันยอมเป็นนายแบบ” คณาธิปหัวเราะเสียงดังลั่น “ไม่ใช่เพราะเด็กคนนั้นนะ ฉันก็แค่อยากช่วยน้าวรรณเฉยๆ” อนรรฆรีบแก้ตัวทันที “เหรอ” คณาธิปพูดพลางยิ้มล้อๆ อย่างไม่เชื่อถือ “สรุปว่าภารกิจนี้สำคัญมากสำหรับนาย” ภานุวัฒน์พูดขึ้น “ก็ฉันรับปากน้าวรรณไปแล้ว” “ต้องไปให้ได้ว่างั้นเถอะ” ทิวากรพูดขึ้นบ้าง ซึ่งอนรรฆพยักหน้าทันที “ถ้างั้นนายก็ไปเถอะ ไว้วันหลังค่อยไปซ้อมก็ได้” คณาธิปออกปากอนุญาตในที่สุด ทำให้อนรรฆยิ้มกว้างทันที “ขอบใจพวกนายมากนะ งั้นฉันไปก่อนนะ บายนะเพื่อน” พูดจบร่างสูงก็วิ่งออกไปจากห้องเรียนทันที “พวกนายเห็นเหมือนฉันมั้ย ท่าทางหมอนั่นอย่างกับหนุ่มวัยรุ่นแรกรักเลยล่ะ” ภานุวัฒน์ถามเพื่อนทั้งสองยิ้มๆ “เฮ้อ! ไอเฟลเอ๊ย แล้วบอกว่าไม่สนเด็กม.ปลาย” คณาธิปพูดยิ้มๆ พลางส่ายหน้า “ฉันล่ะสงสารเด็กคนนั้นจริงๆ เลย ให้ตายสิ” ทิวากรบ่น “เอาน่าทิม ฉันก็บอกนายแล้วไง ว่าบางทีเด็กคนนั้นอาจจะหยุดเพื่อนรักของเราได้” คณาธิปตบบ่าทิวากรเบาๆ อีกฝ่ายเลยได้แต่พึมพำว่า “ขอให้มันจริงเหอะ”
已经是最新一章了
加载中