10 ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
1/
10 ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
EIFFEL รักจริงใจของนายเจ้าชู้
(
)
已经是第一章了
10 ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
“อ้าว ริน กลับมาเร็วนี่ลูกคุณไอเฟลเป็นไงบ้างจ๊ะ” มารดาถามขึ้นทันทีเมื่อรวีรินเดินเข้าไปในร้าน นิสากับน้ำฝนที่กำลังจัดช่อดอกไม้อยู่ก็พากันเงยหน้าขึ้นมารอฟังคำตอบจากหญิงสาวเช่นกัน “ท่าทางสบายดีมากๆ มากจนเกินไปด้วยซ้ำค่ะ” รวีรินพูดออกมาด้วยน้ำเสียงประชดคนที่มารดถามถึงโดยไม่รู้สึกตัว คุณรวีวรรณขมวดคิ้วนิดหนึ่งเมื่อจับน้ำเสียงประชดประชันของลูกสาวได้ “แล้วไม่ได้เอาหม้อหิ้วกลับมาด้วยเหรอจ๊ะ” “เค้ามีคนมาเยี่ยมค่ะ รินก็เลยวางไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยให้เค้าเอามาคืนวันหลัง” รวีรินตอบมารดาแล้วเดินเลยเข้าไปด้านหลังร้านทันที “เอ่อ ท่าทางน้องรินจะรมณ์บ่จอยนะคะคุณวรรณ” นิสาพูดขึ้น “สงสัยเจอคุณไอเฟลแหย่มาอีกแน่ๆ เลย” น้ำฝนเดา คุณรวีวรรณมองตามลูกสาวไปด้วยความประหลาดใจและขมวดคิ้วอย่างครุ่นคิด “ยิ่งฉันใกล้เธอเท่าไหร่ ยิ่งอยากจะเผยใจ ยิ่งสบสายตาก็ยิ่งหวั่นไหว” (เพลงความลับ ของโจ้วงพอช) ทิวากรปรายตามองโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ที่กำลังส่งเสียงร้องเพลงอยู่แล้วยิ้มที่มุมปากนิดหนึ่ง ก่อนกดเปิดบูลทูธเพื่อรับสายของคนที่โทรเข้ามา ตามความคาดหมายของเขาภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมงด้วยซ้ำ “ว่าไงไอ้จอมเจ้าชู้” “ทิมนายเจอรวีรินที่ไหน” อนรรฆถามมาจากปลายสายด้วยน้ำเสียงร้อนรน จนทิวากรแทบกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ได้ พลางแกล้งย้อนถามกลับไปว่า “ยัยหมวยนั่นกลับแล้วเหรอนายถึงได้โทรมาหาฉัน” “ฉันบอกให้กลับไปแล้ว นายอย่าลีลาน่าตอบคำถามฉันมาเลย” “เจอกันข้างล่าง” “เฮ้อ!” อนรรฆถอนหายใจยาวเหยียดทันที ทิวากรยิ้มอย่างขบขันเพื่อนรักก่อนจะพูดต่อไปว่า “แล้วเค้าก็เดินขึ้นไปข้างบนพร้อมกับฉัน” “หา!” อนรรฆอุทานมาจากปลายสายเสียงดังลั่น ก่อนจะถามต่อด้วยน้ำเสียงรัวเร็ว “นายคงไม่ได้หมายความว่าเค้าเห็น...ใช่มั้ยทิม” “พอดีว่าเด็กคนนั้นเห็นช็อตเด็ดของนายทั้งภาพและเสียง ชัดเจนไม่มีสะดุดเลยล่ะ” ทิวากรตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ตายล่ะ! ทำไมซวยแบบนี้” “ก็นายมันชุ่ยเองนี่ ประตูก็ดันไม่ปิดให้สนิทก่อนจะเล่นบทเลิฟซีนกัน” “ก็ฉันยังไม่ทันตั้งตัวนี่นา พอเปิดประตูห้องยิหวาก็โผเข้ามาเลย” อนรรฆแก้ตัว “แล้วนายซึ่งไม่มีผู้หญิงตกถึงท้องมาหลายวัน ก็เลยมัวแต่นัวเนียกับยัยนั่น จนลืมว่ายังไม่ได้ปิดประตูห้องล่ะสิ ไอ้หื่นเอ๊ย” ทิวากรว่าคนทางปลายสายอย่างหมั่นไส้ “ฉันไม่ได้หื่นนะ นายก็ว่าฉันเกินไป ก็แค่จูบทักทายกันเฉยๆ” อนรรฆเถียงมา “เออ แต่ไอ้จูบทักทายของนาย ใครมาเห็นก็ต้องคิดว่ามันจะต้องมีต่อมากกว่าจูบแน่ กอดกันซะแนบแน่นขนาดนั้นแถมยังอยู่ในห้องกันแค่สองคนด้วย” “แล้ว...รวีรินว่าไงบ้าง” “นายสนใจความรู้สึกเด็กคนนั้นด้วยเหรอ” “ทิมนายอย่ากวนประสาทฉันน่า” “ช็อกนิดหน่อยมั้ง เด็กคนนั้นคงไม่คิดว่าจะมาเจอฉากเลิฟซีนดูดดื่มของนายเข้าน่ะสิ” “ซวยชะมัด เค้ายิ่งว่าฉันเจ้าชู้ ชีกอ ลามกอยู่ด้วย” “เค้าก็ว่านายถูกต้องหมดทุกข้อนี่ หึๆๆ” “ไอ้บ้าทิม! แล้วนายจะซ้ำเติมฉันเพื่ออะไรวะ” อนรรฆถามมาอย่างฉุนๆ ก่อนจะบ่นต่อไปอีกว่า “ทำไมเค้าต้องมาเห็นด้วย” “หืม ท่าทางนายเป็นห่วงเด็กคนนั้นมากเลยนะ ชอบเค้าล่ะสิ” ทิวากรดักคออย่างรู้ทัน “ฉัน...ก็แค่...ไม่อยากถูกมองในแง่ไม่ดีมากกว่าเดิมก็เท่านั้นแหละ” อนรรฆพูดมาด้วยน้ำเสียงอ่อนๆ ทิวากรหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “ยังไม่ยอมรับความจริงอีกเหรอ ตามใจนายแล้วกัน แต่ฉันขอเตือนนายไว้อย่างนะ ถ้านายชอบเด็กคนนั้นจริงๆ ก็เลิกกับผู้หญิงอื่นซะ แล้วก็คบกับเด็กคนนั้นให้จริงจังคนเดียวไปเลย อีกอย่างหนึ่งฉันชอบเด็กคนนี้นะ ท่าทางเค้าไม่เหมือนพวกสาวๆ ที่นายควงอยู่ ถ้านายเป็นแฟนกับเค้าฉันเห็นด้วยที่สุดเลย เท่านี้นะฉันหมดเรื่องคุยกับนายแล้วกำลังขับรถอยู่ด้วย” พูดจบทิวากรก็กดตัดสายทันที อนรรฆวางโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงบนโต๊ะ ก่อนจะถอนหายใจยาวแล้วเอนตัวไปพิงโซฟาบุนวมตัวใหญ่ที่เขานั่งอยู่ ด้วยความรู้สึกสับสนภายในใจและหนักใจกับคำพูดของทิวากร “ขอบคุณมากๆ เลยครับน้าวรรณสำหรับข้าวต้ม” อนรรฆพูดพลางพนมมือไหว้คุณรวีวรรณ เมื่อเขาแวะเอาหม้อหิ้วใบเล็กมาคืนในเช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนเดินทางไปมหาวิทยาลัย “ไม่เป็นไรค่ะ คนกันเองแท้ๆ ว่าแต่หายดีแล้วเหรอคะถึงจะไปเรียน” คุณรวีวรรณถาม “ครับ หยุดเรียนมาหลายวันแล้ว แถมดนตรีก็ไม่ได้ไปซ้อมกับพวกเพื่อนๆ เลย ยังไงวันนี้ก็ต้องไปแล้วล่ะครับ” อนรรฆตอบ “แม่คะ” รวีรินในชุดนักเรียนซึ่งวิ่งสะพายเป้ลงมาจากข้างบนส่งเสียงมาก่อนตัว แต่แล้วก็ชะงักไปนิดหนึ่งเมื่อเห็นอนรรฆยืนอยู่ เขาส่งยิ้มมาให้เธอทันที รวีรินไม่ยิ้มตอบด้วยหากแต่ถามว่า “นายล้างหม้อหิ้วมาคืนแล้วใช่มั้ย” อนรรฆพยักหน้าพลางชี้ให้หญิงสาวดูหม้อหิ้วใบเล็กที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ หญิงสาวพยักหน้าแล้วพูดต่อไปอีกว่า “ถ้างั้นก็ดีแล้ว แล้วก็อย่าลืมจ่ายเงินค่าช่อดอกไม้ของนายด้วยล่ะ ตั้งหลายวันก็ปาเข้าไปจะสองหมื่นอยู่แล้ว ร้านนี้ไม่ได้มีนโยบายให้เครดิตลูกค้าสามสิบวันนะ” “ยัยรินพูดจาน่าเกลียดเชียว” คุณรวีวรรณตำหนิลูกสาว แต่รวีรินกลับพูดต่อหน้าตาเฉยว่า “ก็รินพูดความจริงนี่คะ เพราะเราต้องใช้เงินมาหมุนเวียนซื้อดอกไม้ในร้านด้วย รินไปนะคะแม่ สวัสดีค่ะ” พูดจบหญิงสาวก็ยกมือไหว้มารดาแล้วเดินออกไปจากร้านทันที คุณรวีวรรณมองตามลูกสาวพลางส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะหันกลับมาพูดกลับอนรรฆว่า “อย่าถือยัยรินนะคะคุณไอเฟล” “ครับ ไม่เป็นไรหรอกครับน้าวรรณ ค่าดอกไม้ของผมทั้งหมดเท่าไหร่ครับ” อนรรฆถามคุณรวีวรรณ เมื่อจ่ายเงินค่าดอกไม้เรียบร้อยชายหนุ่มก็รีบขอตัวออกมาจากร้าน แล้วขับรถตามไปจนทันรวีรินซึ่งกำลังเดินอยู่กลางซอยพอดี “ขึ้นมาสิเดี๋ยวฉันไปส่งที่โรงเรียนให้” อนรรฆบอกพลางเปิดประตูให้รวีริน เมื่อขับรถมาจอดเทียบข้างหญิงสาว รวีรินมองหน้าชายหนุ่มเจ้าของรถก่อนจะพูดว่า “ทำไมฉันต้องให้นายไปส่งด้วยล่ะ โรงเรียนฉันไม่ใช่ทางผ่านไปมหาวิทยาลัยนายซะหน่อย” “ขึ้นมาเถอะ ฉันเข้าเรียนเก้าโมงมีเวลาวนรถไปส่งเธอตั้งเยอะ” อนรรฆบอก “ไม่ล่ะ ขอบคุณมากนายไปเถอะ ฉันไปรถเมล์เองได้” พูดจบรวีรินก็ออกเดินต่อทันที แต่อนรรฆก็ไม่ละความพยายามง่ายๆ เขายังคงขับรถตามตื๊อรวีรินไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่ารถที่ขับตามหลังมาจะบีบแตรไล่ยังไง “รวีรินครับ ขึ้นรถเถอะครับ รวีรินๆๆๆ” แล้วนี้ก็เป็นอีกอย่างที่เพิ่มความอับอายขายหน้าให้รวีริน เพราะอนรรฆเล่นกดกระจกรถของเขาลงทุกบาน แล้วก็ส่งเสียงตะโกนร้องเรียกให้เธอขึ้นรถมาตลอดทาง จนผู้คนที่กำลังพากันเดินอยู่ในซอย และบรรดาพ่อค้าแม่ค้าตามรถเข็นที่ขายของอยู่สองข้างทางพากันมองมาที่หญิงสาวเป็นตาเดียวกัน พร้อมทั้งเสียงซุบซิบที่รวีรินได้ยินชัดเจนว่า “โอ้โฮ้ ดูพ่อหนุ่มรูปหล่อในรถคันนั้นสิ สงสัยขับรถตามง้อแฟนนะนั่น” “แฟนก็สวยเชียวนะ ไม่รู้งอนอะไรกันแต่เช้า” “หนุ่มๆ สาวๆ ก็งอนกันอย่างนี้แหละ” แล้วก็อะไรต่อมิอะไรที่รวีรินได้ยินมาตลอดทาง จนหญิงสาวต้องก้มหน้าก้มตาเดินด้วยความอับอาย แต่อีตาผู้ชายเจ้าชู้จอมกะล่อนที่กำลังขับรถตามเธอมานี่สิ ที่ไร้ยางอายสิ้นดี เพราะเขายังคงตะโกนเรียกรวีรินไม่ยอมหยุด “รวีริน” อนรรฆร้องเรียกมาอีกจนได้ และคราวนี้ความอดทนของรวีรินก็สิ้นสุดลงแล้ว หญิงสาวจึงหยุดเดินพลางจ้องหน้าชายหนุ่มราวกับจะกินเลือดกินเนื้อแล้วถามอย่างฉุนเฉียวว่า “นี่นายไอเฟล นายจะเอายังไงกับฉันฮะ” “เธอก็ขึ้นรถสิ” อนรรฆบอก “ฉันไม่ขึ้น นายฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง” “ถ้างั้นฉันก็จะขับรถตามเธอไปเรื่อยๆ อย่างนี้แหละ” อนรรฆตอบมาหน้าตาเฉย “เอ๊ะ! อีตา...” “แม่หนูจ๊ะขึ้นรถไปกับแฟนเถอะจ้ะ มัวแต่ยืนต่อล้อต่อเถียงกันอยู่นี่รถข้างหลังเริ่มติดแล้วนะจ๊ะ” เสียงป้าแม่ค้าซึ่งจอดรถเข็นขายข้าวเหนียวหมูปิ้งอยู่ใกล้กับจุดที่รวีรินยืนอยู่บอกมาอย่างหวังดี ทำให้อนรรฆยิ้มร่าออกมาทันที พลางรับสมอ้างออดอ้อนรวีรินมาอย่างน่าหมั่นไส้ว่า “รินครับ รินที่รักของผมขึ้นรถนะครับ” “อ๊าย! อีตาบ้า! ใครเป็นที่รักของนาย เลิกพูดบ้าๆ แบบนี้นะ ป้าคะเค้าไม่ใช่แฟนหนูนะคะ” รวีรินว่าอนรรฆใบหน้าเป็นสีระเรื่อด้วยความโกรธบวกความอาย แล้วก็รีบหันไปอธิบายให้ป้าแม่ค้าขายข้าวเหนียวหมูปิ้งฟัง แต่แกคงไม่เชื่อที่รวีรินพูดหรอก เพราะป้าแกพูดกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า “ไม่ต้องอายหรอกจ้ะแม่หนู เวลาทะเลาะกันก็อย่างงี้ทุกรายแหละ ปฏิเสธว่าไม่ใช่แฟน แต่พอเวลาหายโกรธก็กลายเป็นแฟนกันเหมือนเดิม” “แต่เค้ากับหนูไม่ใช่แฟนกันจริงๆ นะคะ” “ใจร้าย ป้าดูสิครับผมอุตส่าห์ตามมาง้อแล้ว เค้ายังไม่ยอมใจอ่อนอีก” อนรรฆหันไปอ้อนป้าแกเฉยเลย “นายไอเฟล!” รวีรินตะโกนเรียกชื่อเขาอย่างเหลืออด ตอนนี้ความโกรธของหญิงสาวทะลุจุดเดือดไปแล้ว เธออยากจะจับอนรรฆหักคอทิ้งซะเดี๋ยวนี้จริงๆ เลย ทำไมเขาถึงกะล่อนลื่นไหลได้ขนาดนี้ก็ไม่รู้ “ป้าว่าหนูรีบขึ้นรถไปเถอะข้างหลังเริ่มบีบแตรไล่แล้วนะ รถแฟนหนูขวางทางคนอื่นอยู่” ป้าขายหมูปิ้งเตือนมาอีกครั้งอย่างหวังดี อนรรฆยิ้มกว้างทันทีพลางรีบพูดสนับสนุนป้าแกว่า “ป้าแกพูดถูกแล้วนะครับรินที่รัก มาขึ้นรถเถอะนะคนดีของผม” ปิ๊นๆๆๆ เสียงแตรรถข้างหลังเริ่มบีบรัวถี่ขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่เจ้าของรถบางคันเริ่มลดกระจกรถลงและโผล่หน้าออกมาดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างหน้า “รินครับ ขึ้นรถนะครับ ถ้ารินไม่ขึ้นผมไม่ยอมไปนะ ขึ้นรถเถอะครับที่รัก” อนรรฆอ้อนรวีรินแกมข่มขู่อยู่ในที หญิงสาวจ้องหน้าเขาอย่างขุ่นเคืองและรู้ว่าอนรรฆพูดจริงแน่ๆ เรื่องที่เขาจะไม่ยอมไปถ้าหากว่าเธอไม่ขึ้นรถ “รีบขึ้นรถเถอะหนู คนอื่นเค้าจะรีบไปทำงานกัน มีอะไรก็ขึ้นไปพูดกันบนรถเถอะจ้ะ” ป้าแม่ค้าขายข้าวเหนียวหมูปิ้งย้ำมาอีก รวีรินจ้องหน้าอนรรฆอย่างขุ่นเคือง ก่อนจะเดินไปกระชากประตูรถเขาเปิดออกแล้วก้าวขึ้นไปนั่งในที่สุด “นายนี่หน้าหนายิ่งกว่ากระเบื้องตราช้างอีก ขับรถตะโกนเรียกชื่อฉันมาตลอดทางนี่ไม่รู้จักอายคนอื่นเค้าบ้างรึไงฮะ” รวีรินต่อว่าทันที เมื่อปิดประตูรถเรียบร้อย อนรรฆหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดว่า “ฉันถือคติว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก” อนรรฆพูดจบก็หัวเราะเบาๆ ในลำคอ พลางเหลือบมามองหญิงสาวที่นั่งทำหน้าบึ้งตึงอยู่ข้างๆ รวีรินหันไปมองหน้าเขาแล้วถามอย่างเอาเรื่องว่า “หัวเราะหาสวรรค์วิมานอะไรของนาย สะใจมากใช่มั้ยที่บังคับให้ฉันขึ้นมานั่งบนรถของนายได้” “อะไรกัน คนเค้าอุตส่าห์หวังดีจะไปส่งให้ถึงโรงเรียนยังจะมาโกรธกันอีก” “แล้วฉันไปขอร้องนายรึไง” “เปล่า ฉันอยากไปส่งเธอเอง” “ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน” “ฉันไม่ได้ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านซะหน่อย ฉันชอบยุ่งกับเธอคนเดียว” อนรรฆพูดยิ้มๆ “เชอะ เปลี่ยนเป็นนายชอบยุ่งกับผู้หญิงทุกคนดีกว่ามั้ง” รวีรินว่า “อันนั้นก็ไม่เถียงหรอกนะ แต่กำลังคิดอยู่ว่าจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคนแล้วมายุ่งกับเธอคนเดียวดีมั้ย เธอว่าไงล่ะ” “ไม่ดี แล้วนายก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉันด้วย ฉันไม่เหมือนผู้หญิงที่นายควงอยู่หรอกนะ” “อืม ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอไม่เหมือนคนอื่น” “เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” หญิงสาวบอกเสียงเข้ม “คิดว่าห้ามฉันได้เหรอ” “แล้วนายคิดว่าผู้หญิงทุกคนจะต้องยินยอมพร้อมใจไปกับนายรึไง” “ยินยอมพร้อมใจเรื่องอะไรล่ะ” “ก็ยินยอมพร้อมใจให้นายพาไปทำอะไรไม่ดีน่ะสิ นายก็แค่คิดจะจีบผู้หญิงเล่นไปวันๆ เท่านั้นแหละ เอาไว้ทำมิดีมิร้ายไง แล้วที่นายมายุ่งวุ่นวายอยู่กับฉันนี่อย่านึกว่าฉันไม่รู้เจตนานายนะ คิดว่าจะทำกับฉันได้เหมือนกับที่นายทำกับผู้หญิงคนอื่นรึไง” รวีรินร่ายยาว อนรรฆชำเลืองมามองคนพูดนิดหนึ่ง ก่อนจะหันกลับไปมองถนนแล้วถามยิ้มๆ ว่า “คิดว่าฉันจะทำอะไรเธอเหมือนอย่างที่ทำกับผู้หญิงอื่นล่ะ” “ก็แบบที่นายทำกับยัยพี่ยิหวาเมื่อวานนี้ไงล่ะ นายคนลามก” “เด็กไม่ดี แอบดู” “เฮอะ ฉันไม่ได้เป็นโรคจิตนะยะ ถึงจะได้ไปแอบดูนายเล่นบทเลิฟซีนกัน คราวหน้าคราวหลังจะทำอะไรก็หัดปิดประตูซะมั่งสิ ฉันไม่ได้อยากเห็นซะหน่อยซวยลูกตาตายชัก เชอะ! แล้วยังทำเป็นพูดว่าไม่เคยพาผู้หญิงมาที่คอนโดมันดูไม่ดี โกหกชัดๆ เห็นกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันนัวเนียเชียว” “ฉันไม่เคยพาผู้หญิงมาที่คอนโดจริงๆ นะ เมื่อวานนี้ยิหวาเค้ามาเอง” “เชื่อตายล่ะ เห็นฉันเป็นแมงกะพรุนรึไง” “เกี่ยวอะไรกับแมงกะพรุนล่ะ” อนรรฆถามอย่างงุนงง “ก็แมงกะพรุนมันไม่มีสมองไง เรียนมหาวิทยาลัยจะจบแล้วยังไม่รู้อีกเหรอ แต่อย่างว่าแหละนะไอ้เรื่องพวกนี้นายคงไม่สนใจจำหรอก เพราะวันๆ แค่จำรายชื่อผู้หญิงในสต็อกกับเบอร์โทรของพวกเจ้าหล่อน สมองนายก็คงไม่ว่างมาจำอย่างอื่นแล้วมั้ง” รวีรินประชด อนรรฆหันมามองหญิงสาวข้างๆ ที่กำลังนั่งร่ายยาวว่าเขาอยู่อย่างขบขันก่อนจะถามขึ้นว่า “นี่เธอกำลังโกรธฉันเหรอ” “ฉันจะไปโกรธนายทำไม” รวีรินย้อนถามกลับไป “ก็เธอกำลังนั่งด่าฉันอยู่ปาวๆ นี่ยังไม่เรียกว่าโกรธอีกเหรอ” “ฉันกำลังสั่งสอนนายต่างหาก นายจอมเจ้าชู้” “ฉันดูแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ” “ใช่” “เป็นคนลามก” “ใช่” “จอมเจ้าชู้ด้วย” “ใช่” “ชีกออีกต่างหาก” “ใช่” “ไม่ชอบให้ฉันทำแบบนั้นใช่มั้ย” “ใช่” “เธอหึงใช่มั้ยล่ะ” “ใช่! เฮ้ย! ไม่ใช่ อีตาบ้า! พูดอะไรของนาย ฉันจะไปหึงนายทำไมยะ” รวีรินร้องถามเสียงสูงใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นมาทันที “ฮะๆๆ เธอหึงฉันจริงๆ ด้วย ดีใจจัง” “ใครหึงนายยะ หลงตัวเองเกินไปแล้วมั้ง ฉันจะไปหึงนายทำซากตึกเวิลด์เทรดอะไร” “ตึกเวิลด์เทรดถูกผู้ก่อการร้ายขับเครื่องบินชนพังมาตั้งหลายปีแล้ว ตอนนี้ไม่เหลือซากให้เธอทำอะไรอยู่แล้วล่ะ แต่ที่เธอหึงฉันก็เพราะว่าเธอชอบฉันแล้วใช่มั้ยล่ะ” อนรรฆถามยิ้มๆ พลางชะลอรถจอดที่หน้าโรงเรียนเซนต์แองเจล่า “ฉันไม่ได้หึงนาย เพราะว่าฉันไม่ได้ชอบนาย” “เด็กขี้โกหก” “ฉันไม่ได้โกหกนะ เรื่องอะไรฉันจะไปชอบผู้ชายเจ้าชู้อย่างนายให้ตัวเองช้ำใจล่ะ” “เมื่อกี๊ฉันก็บอกแล้วไง ว่าฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะเลิกยุ่งกับผู้หญิงทุกคน แล้วมายุ่งกับเธอคนเดียวดีมั้ย เธอว่าไงล่ะ” “นายไม่มีทางทำได้หรอก” “แล้วถ้าฉันทำได้ล่ะ เธอจะยอมเป็นแฟนกับฉันมั้ย” “ไม่! ไม่มีวันที่ฉันกับนายจะเป็นแฟนกันได้ อย่ามายุ่งกับฉันอีกนะ” รวีรินพูดพลางเตรียมจะผลักประตูรถเปิดออกเพื่อก้าวลงจากรถ แต่แล้วอนรรฆก็คว้าแขนของเธอเอาไว้เสียก่อน “เธอจะไม่ให้โอกาสฉันบ้างเหรอ” “อย่ามายุ่งกับฉันเลย ฉันไม่อยากเสียใจเพราะนาย” รวีรินพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่จริงจังพลางมองหน้าอนรรฆนิ่ง ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ พลางถาม “เธอปฏิเสธฉัน โดยไม่คิดจะให้โอกาสฉันพิสูจน์ตัวเองบ้างเหรอ” “นายไม่ได้ชอบฉันจริงๆ หรอก นายแค่เห็นฉันแปลกแล้วก็ไม่หลงใหลนายเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆ นายก็เลยแค่อยากจะเอาชนะฉันเท่านั้นเอง” “แล้วถ้าฉันบอกว่าฉันชอบเธอจริงๆ ล่ะ” “นายก็บอกชอบผู้หญิงทุกคนอยู่แล้วนี่ ฉันคงไม่ใช่คนสุดท้ายหรอก ขอบคุณมากที่อุตส่าห์มาส่งฉันไปล่ะ” พูดจบรวีรินก็ดึงแขนตัวเองออกจากการเกาะกุมของอนรรฆ แล้วผลักประตูรถก้าวลงไปทันที “รวีริน” อนรรฆเรียกหญิงสาวเอาไว้ก่อนที่จะผลักประตูรถปิด รวีรินชะงักนิดหนึ่งพลางก้มลงมองหน้าเขา เพื่อจะรอฟังว่าอนรรฆจะพูดอะไรอีก “ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก ต่อไปนี้ฉันจะตื๊อเธอจนกว่าเธอจะใจอ่อนเลยล่ะ” อนรรฆพูดยิ้มๆ นัยน์ตาขี้เล่นพราวระยับ รวีรินยิ้มนิดๆ ที่มุมปากก่อนจะพูดขึ้นว่า “แผนนายใช้กับฉันไม่ได้ผลหรอกนายจอมเจ้าชู้” พูดจบหญิงสาวก็ผลักประตูรถปิดทันที ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในโรงเรียน อนรรฆมองตามร่างโปร่งบางไป แล้วพึมพำพูดกับตัวเองว่า “สงสัยฉันจะผิดคำพูดตัวเองก็เพราะเธอนี่แหละรวีริน”
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
10 ตื๊อเท่านั้นที่ครองโลก
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A