5 คำเชิญของเจ้าชายอานัม
1/
5 คำเชิญของเจ้าชายอานัม
ร้อยรักทรายเสน่หา
(
)
已经是第一章了
5 คำเชิญของเจ้าชายอานัม
วิวาห์กับมิราอยู่ในพระราชวังหลวงร่วมโต๊ะอาหารกลางวัน และนั่งพูดคุยกับพระสนมเอกนิลลาจนถึงเวลาบ่ายคล้อย จึงลาพระสนมเอกเดินทางกลับ เมื่อกลับมาถึงบ้านมิราไกด์สาวก็รีบกลับเข้าห้องพักแล้วใช้โทรศัพท์มือถือของตัวเองโทรไปหารสสุคนธ์ที่กรุงเทพฯ ทันที เพราะอยากจะเล่าเรื่องราวที่ได้ประสบพบเห็นมาทั้งวันให้หญิงสาวรุ่นพี่ฟัง “ต๊าย! จริงเหรอวิว นี่เราปล่อยไก่ไปทั้งตัวเลยเหรอ” เสียงรสสุคนธ์ถามมาจากปลายสายเมื่อได้ฟังเรื่องที่วิวาห์เล่าทั้งหมด “ทั้งเล้าเลยต่างหากค่ะพี่รส” วิวาห์แย้งหญิงสาวรุ่นพี่ “เมื่อกี้วิวบอกพี่ว่าได้เจอเจ้าชายหล่อๆ ตั้งสองคนเลยหรือ” รสสุคนธ์ถามมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด “ใช่ค่ะพี่รส ท่านหล่อทั้งคู่เลย คนแรกชื่อว่าเจ้าชายอานัมค่ะ หล่อเข้ม แบบประมาณ Tall dark and handsome ท่านพูดจาเป็นกันเองดีนะคะ แต่ทำไมวิวรู้สึกว่าท่านน่ากลัวก็ไม่รู้ค่ะพี่รส” วิวาห์บอกกับหญิงสาวรุ่นพี่ตามความรู้สึกของตัวเอง เมื่อนึกถึงดวงตาคมกล้าของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์นามว่าอานัมที่มองสบตากับเธอ แล้วก็ได้ยินเสียงรสสุคนธ์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะส่งเสียงแซวมาจากปลายสาย “น่ากลัวแบบไหนจ๊ะ น่ากลัวว่าเห็นแล้วจะอดหลงรักไม่ได้รึเปล่า” “โธ่! พี่รส ไหงเล่นของสูงอย่างงี้ล่ะคะ วิวว่าท่านน่ากลัวจริงๆ นะคะ แต่บอกไม่ถูกว่าทำไมถึงได้น่ากลัว” วิวาห์บ่น “เอาล่ะๆ ว่าแต่เจ้าชายรูปหล่ออีกคนชื่อว่าอะไรล่ะจ๊ะ” รสสุคนธ์ถามมาอีก “ชื่อว่าเจ้าชายนาดีนค่ะ ท่านเป็นลูกชายของพระสนมเอกนิลลา ท่านอาของมิราค่ะ พระสนมเอกสวยมากลูกชายก็เลยหล่อแบบไม่มีที่ติเลยค่ะ สูงขาว คิ้วเข้ม ดวงตาคมหวานซึ้ง ผมสีน้ำตาลเข้มเหมือนสีดวงตาของท่านเลยค่ะ” วิวาห์บรรยายความหล่อของเจ้าชายนาดีนให้รสสุคนธ์ฟังด้วยน้ำเสียงชื่นชม จนคนทางปลายสายถึงกับชะงักไปเล็กน้อย “แล้วเจ้าชายน่าดีนน่ากลัวเหมือนเจ้าชายอานัมรึเปล่าล่ะจ๊ะ” รสสุคนธ์ถามมา “ไม่น่ากลัวแบบเจ้าชายอานัมหรอกค่ะพี่รส แต่น่าเกรงมากกว่า ท่าทางท่านขรึมๆ พูดก็น้อย วิวเห็นท่านยิ้มแค่นิดเดียวเอง ตอนที่พูดกับพระสนมเอกแล้วก็มิรา” วิวาห์ตอบคำถามของรสสุคนธ์ตามความรู้สึกของตัวเองเหมือนเคย หลังจากพูดคุยกับเจ้านายสาวอีกครู่หนึ่งวิวาห์จึงวางสาย โดยไม่ลืมฝากความคิดถึงชานนท์ไปกับอีกฝ่ายด้วย จากนั้นหญิงสาวจึงเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า เพื่อรอเวลาลงไปรับประทานอาหารค่ำพร้อมกับเจ้าของบ้าน หลังจากอาหารมื้อค่ำสองสาวก็ขึ้นมานั่งคุยกันอยู่ในห้องพักของวิวาห์ โดยมิราเล่าให้วิวาห์ฟังว่าองค์ฟาราซมีทายาททั้งหมดสามคน คนแรกคือเจ้าชายซานันเกิดจากราชินีโซเฟียน่า คนที่สองคือเจ้าชายอานัมเกิดจากเจ้าหญิงโมลิน และคนที่สามคือเจ้าชายนาดีนเกิดจากพระสนมเอกนิลลา “ราชินีโซเฟียน่าสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงนัก หลังจากท่านพี่ซานันเกิดได้เพียงเดือนเดียวท่านก็เสียชีวิต” มิราเล่าต่อ ขณะที่วิวาห์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแสดงความเห็นใจชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ “น่าสงสารท่านจัง ต้องกำพร้าตั้งแต่เด็กเลย” “ท่านอาของฉันได้รับหน้าที่ให้ดูแลท่านพี่ซานันมาตั้งแต่ตอนนั้น ท่านพี่จึงรักท่านอาเหมือนแม่แท้ๆ” มิราบอก “ถ้าอย่างงั้นมิราก็คงจะสนิทกับเจ้าชายซานันมากล่ะสิ” วิวาห์ถาม “ใช่จ้ะ ฉันเติบโตมาพร้อมกับท่านพี่ซานันและท่านพี่นาดีน ท่านพี่ทั้งสองรักแล้วก็ใจดีกับฉันมาก” มิราตอบ “แล้วเจ้าชายอานัมล่ะจ๊ะ” หญิงสาวถามอีก แล้วก็เห็นมิราย่นจมูกนิดหนึ่งเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนตอบว่า “ไม่มีใครอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับเจ้าชายอานัมหรอก เพราะเจ้าหญิงโมลินแม่ของท่านร้ายกาจมาก ใครๆ ก็เกรงกลัวกันหมด นี่ถ้ายังมีชีวิตอยู่ สงสัยว่าวังหลวงคงจะไม่มีความสงบสุขเป็นแน่” “ทำไมล่ะมิรา” วิวาห์ถามด้วยความสงสัย มิราถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเล่าให้ไกด์สาวฟังต่อไปอีกว่า เจ้าหญิงโมลินคือเจ้าหญิงของเมืองจากแคว้นทางตอนใต้ ที่ถูกส่งตัวมาถวายตัวกับองค์ฟาราซ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งรัชทายาทของอัคบาชาตามกฎมณเฑียรบาล ของอัคบาชา ในตอนนั้นองค์ฟาราซเพิ่งเดินทางจะกลับมาถึงอัคบาชาได้ไม่นาน หลังจากที่ไปศึกษาต่อเรื่องการทหารที่มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษนานหลายปี เจ้าหญิงโมลินเดินทางมาอัคบาชาด้วยความเต็มใจ เพราะองค์ฟาราซเป็นชายหนุ่มรูปงาม และคาดหวังว่าจะได้รับตำแหน่งราชินีอย่างแน่นอนเมื่อองค์ฟาราซขึ้นปกครองอัคบาชา แต่แล้วเหตุการณ์ทุกอย่างกลับไม่เป็นไปตามที่เจ้าหญิงโมลินวาดฝันเอาไว้ เพราะเมื่อเจ้าหญิงโมลินมาถึงอัคบาชาก็พบว่าองค์ฟาราซมีคนรักเดินทางมาจากอังกฤษด้วย เป็นผู้หญิงชาวต่างชาติที่งดงามมาก มีเรือนผมสีทองและดวงตาสีฟ้าสดใสชื่อว่าโซเฟียน่า ซึ่งก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงพระชายาในวันเดียวกับเจ้าหญิงโมลินนั่นเอง เจ้าหญิงโมลินโกรธและเสียใจมาก ที่ผู้หญิงสามัญชนชาวต่างชาติได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงพระชายาเทียบเท่าตนเอง และเรื่องที่ทำให้เจ้าหญิงโมลินเจ็บช้ำใจมากที่สุด ก็คือเรื่องที่องค์ฟาราซไม่เคยรักพระนางเลยแม้แต่นิดเดียว ถึงแม้องค์ฟาราซจะแวะเวียนมาค้างด้วยที่ตำหนัก แต่ก็เป็นไปตามหน้าที่เท่านั้น จนกระทั่งองค์ฟาราซได้ขึ้นปกครองอัคบาชา เจ้าหญิงโมลินก็ต้องเสียใจซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง เมื่อองค์ฟาราซได้แต่งตั้งโซเฟียน่าขึ้นเป็นราชินี ซึ่งเจ้าหญิงโมลินถือว่าเป็นการหมิ่นเกียรติตนเองเป็นอันมาก ความผิดหวังครั้งที่สองทำให้เจ้าหญิงโมลินเคียดแค้นราชินีโซเฟียน่ามาก แล้วหลังจากนั้นไม่นานราชินีโซเฟียน่ากับเจ้าหญิงโมลินก็ตั้งครรภ์พร้อมๆ กัน ซึ่งตามกฎมณเฑียรบาลของอัคบาชา ทายาทคนแรกที่เป็นชายจะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท เพื่อสืบทอดตำแหน่งประมุขคนต่อไปของอัคบาชา ไม่ว่าจะเกิดจากมารดาคนไหนก็ตาม จึงทำให้เจ้าหญิงโมลินเริ่มมีความหวังอีกครั้งว่า หากลูกในครรภ์เป็นชายและคลอดก่อนราชินีโซเฟียน่าก็คงจะได้รับตำแหน่งรัชทายาท แต่เจ้าหญิงโมลินก็ต้องพบกับความผิดหวังอีกเป็นครั้งที่สาม เมื่อราชินีโซเฟียน่าให้กำเนิดลูกชายก่อนตนเองเพียงวันเดียว ทั้งที่เริ่มปวดครรภ์พร้อมกัน ความผิดหวังครั้งนี้ทำให้เจ้าหญิงโมลินเคียดแค้นชิงชังราชินีโซเฟียน่ามากยิ่งขึ้น ถึงกับเผลอบอกกับนางกำนัลคนสนิทว่าราชินีโซเฟียน่าเป็นเสี้ยนหนามของตนที่ต้องหาทางกำจัดให้ได้ เมื่อฟังมิราเล่ามาถึงตอนนี้ วิวาห์ก็พอจะนึกถึงความอิจฉาริษยามากมายของผู้หญิงคนหนึ่งได้ไม่ยากเลย เธอได้แต่บอกตัวเองว่า ไม่ว่าที่ไหนๆ จะเป็นคนชนชั้นไหนก็ไม่พ้นการแก่งแย่งชิงดีกันอยู่นั่นเอง ขณะที่มิรายังคงเล่าต่อไปอีก ว่าหลังจากให้กำเนิดลูกชายได้เพียงแค่เดือนเดียว ราชินีโซเฟียน่าก็ต้องเสียชีวิตลงโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยทางวังหลวงออกประกาศเพียงแค่ว่าราชินีโซเฟียน่ามีสุขภาพอ่อนแอมาตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์แล้ว มีหลายคนลือกันว่าเป็นฝีมือของเจ้าหญิงโมลิน แต่ก็ไม่มีหลักฐานอะไรให้พิสูจน์ได้ หลังจากราชินีโซเฟียน่าเสียชีวิต ทุกคนต่างก็คิดว่าองค์ฟาราซจะแต่งตั้งเจ้าหญิงโมลินขึ้นเป็นราชินี แต่องค์ฟาราซก็ไม่ทำอย่างนั้น ซึ่งทำให้เจ้าหญิงโมลินโกรธมาก จึงเลี้ยงดูลูกชายมาด้วยความโกรธแค้นในตัวองค์ฟาราซ ทำให้อานัมเป็นชายหนุ่มที่นิสัยร้ายกาจไม่แพ้มารดา อีกทั้งเย่อหยิ่ง เอาแต่ใจตัวเอง นึกอยากจะทำอะไรใคร ไม่พอใจใครก็จะลงโทษตามใจ แล้วที่สำคัญก็คือเจ้าชู้เป็นที่สุด “แล้วเจ้าหญิงโมลินชอบพระสนมเอกรึเปล่าจ๊ะมิรา” วิวาห์ถามขึ้น มิราส่ายหน้าก่อนตอบ “เจ้าหญิงโมลินไม่ชอบท่านอา เพราะรู้ว่านอกจากราชินีโซเฟียน่าแล้ว คนที่องค์ฟาราซรักรองลงมาก็คือท่านอา แต่เพราะว่าท่านอาอยู่ในตำแหน่งที่ด้อยกว่า เจ้าหญิงโมลินจึงไม่ใส่ใจนัก แต่ตอนที่องค์ฟาราซแต่งตั้งท่านอาของฉันขึ้นเป็นพระสนมเอก แล้วมอบท่านพี่ซานันให้ท่านอาดูแล เจ้าหญิงโมลินก็เคยพูดจาให้ร้าย ว่าสักวันท่านอาคงต้องหาทางกำจัดท่านพี่ซานัน เพื่อให้ลูกชายของตนได้ขึ้นเป็นรัชทายาท” “ตายจริง! ทำไมถึงได้ร้ายกาจขนาดนั้น พระสนมเอกใจดีออก มีเมตตาด้วย แล้วการกำจัดองค์รัชทายาทเพื่อให้ลูกชายของตัวเองขึ้นเป็นรัชทายาทก็ไม่ใช่เรื่องง่ายด้วย” วิวาห์พูด “นั่นแหละคือเจ้าหญิงโมลิน” มิราบอก “แล้วพระสนมเอกว่ายังไงบ้างล่ะจ๊ะ” วิวาห์ถามต่อ “ท่านอาเป็นคนเฉยๆ ไม่ชอบการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นอยู่แล้ว ท่านจึงดูแลท่านพี่ซานันด้วยความรักราวกับเป็นลูกชายของตัวเอง และคอยสั่งสอนให้ท่านพี่นาดีนจงรักภักดีต่อท่านพี่ซานันเสมอจ้ะ” มิราตอบคำถามวิวาห์ ซึ่งหญิงสาวก็พยักหน้าอย่างเข้าใจ หลังจากที่อยู่พูดคุยอีกครู่หนึ่งมิราก็ขอตัวกลับห้องพักของตนเพื่อให้ไกด์สาวได้พักผ่อนเนื่องจากเป็นเวลาดึกมากแล้ว วิวาห์เดินตามไปส่งหญิงสาวเจ้าของบ้านที่หน้าประตู หลังจากปิดประตูห้องเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงเดินเข้าไปทำธุระในห้องน้ำ ก่อนเดินกลับมาทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แต่เรื่องราวที่ได้รับรู้จากเจ้าของบ้านสาว ก็ทำให้หญิงสาวต้องนอนครุ่นคิดอยู่จนดึกดื่น เมื่อคิดว่าชีวิตของผู้หญิงที่อยู่ในพระราชวังใช่ว่าจะมีแต่ความสุขสบาย ถึงจะสุขกายแต่ก็ไม่สุขใจเหมือนอย่างเจ้าหญิงโมลินที่ต้องเป็นทุกข์ เพราะความอิจฉาริษยาต้องการเป็นใหญ่เหนือใคร เมื่อไม่ได้สมใจก็โกรธแค้นชิงชังคนอื่นจนทำให้ตัวเองไม่มีความสุข “ถ้าเป็นเจ้าหญิงแล้วชีวิตไม่มีความสุขแบบนี้ ขอเป็นคนธรรมดาแบบเรายังสบายกว่าตั้งเยอะ” วิวาห์พึมพำพูดบอกตัวเองเบาๆ ก่อนจะเคลิ้มหลับไปในที่สุด เช้าวันต่อมามิราก็ต้องออกไปธุระกับท่านผู้หญิงจาน่าแต่เช้าเกี่ยวกับเรื่องงานแต่งงาน เจ้าของบ้านสาวชวนวิวาห์ไปด้วย แต่ไกด์สาวขออยู่ที่บ้านโดยให้เหตุผลว่า จะอยู่เรียนภาษาอัคบาชากับเซน่า ทำเอามิราถึงกับทำตาโตก่อนจะหันไปกำชับกำชาสาวใช้ว่าห้ามสอนอะไรแปลกๆ กับเธอโดยเด็ดขาด หลังจากมิราออกไปข้างนอกกับท่านผู้หญิงจาน่าแล้ว หญิงสาวก็หัดเรียนภาษาพื้นเมืองกับเซน่าจนบ่ายคล้อย จึงได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาภายในบ้าน ตอนแรกเธอก็นึกว่ามิราและท่านผู้หญิงจาน่ากลับมาแล้ว แต่มีนาสาวใช้อีกคนวิ่งเข้ามาบอกกับเซน่าว่า มีทหารจากในวังมาขอพบวิวาห์ “เค้าบอกว่าต้องการพบฉันหรือเซน่า” หญิงสาวทวนถามอีกครั้ง “ค่ะ มีนาบอกว่านายทหารคนนั้นต้องการพบมีสค่ะ” วิวาห์ขมวดคิ้วโก่งเรียวมุ่น พลางครุ่นคิดอย่างประหลาดใจว่าทำไมทหารจากวังหลวงถึงได้มาขอพบเธอ “หรือว่าจะเป็นทหารของพระสนมเอกคะมีส” เซน่าออกความเห็น “จริงด้วยเซน่า พระสนมเอกอาจจะมีธุระฝากถึงมิราก็ได้ เรารีบออกไปพบเขากันเถอะ” พูดจบหญิงสาวก็ก้าวตรงไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที โดยเซน่ากับมีนาเดินตามไปด้วย นายทหารร่างสูงใหญ่หน้าตาดุดันลุกขึ้นยืนทันทีเมื่อหญิงสาวก้าวเข้าไป วิวาห์ขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางพยายามนึกทบทวนว่าเธอเคยเห็นหน้านายทหารคนนี้ที่ไหน เพราะหญิงสาวรู้สึกคุ้นหน้าเขาอยู่บ้าง “สวัสดีครับมีสวิวาห์ ผมร้อยเอกยานิเป็นทหารคนสนิทของเจ้าชายอานัมครับ” ว่าแล้วเชียวว่าเคยเห็นหน้าที่ไหนหญิงสาวบอกตัวเองอยู่ในใจ เมื่อร้อยเอกยานิกล่าวคำทักทายและแนะนำตัวเองด้วยภาษาอังกฤษ เขาคือนายทหารที่ติดตามเจ้าชายอานัมนั่นเอง “สวัสดีค่ะ คุณยานิต้องการพบดิฉัน มีธุระอะไรหรือคะ” หญิงสาวถาม “เจ้าชายอานัมให้ผมมาเชิญมีสวิวาห์ ไปร่วมรับประทานอาหารค่ำที่ตำหนักคืนนี้ครับ” คำตอบของร้อยเอกยานิทำเอาวิวาห์ถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง หญิงสาวได้ยินเซน่าอุทานอย่างตกใจเช่นกัน เมื่อเธอหันไปมองก็เห็นเด็กสาวแสดงสีหน้าและแววตาให้รู้ว่าเธอไม่ควรไปอย่างยิ่ง ขณะที่มีนายังคงยืนอยู่นิ่งเงียบเพราะฟังภาษาอังกฤษไม่รู้เรื่อง “ดิฉันคงไปไม่ได้หรอกค่ะคุณยานิ เพราะว่าท่านเจ้าของบ้านไม่อยู่ ดิฉันเกรงว่า...” “ผมเกรงว่าถ้ามีสไม่ไป จะทำให้เจ้าชายรู้สึกเสียใจนะครับ มีสไม่ควรปฏิเสธคำเชิญของเจ้าชายนะครับ” นี่หรือคำเชิญนี่มันบังคับกันชัดๆ หญิงสาวนึกอยู่ในใจ ถึงร้อยเอกยานิจะพูดจาอย่างสุภาพ แต่ท่าทางของเขาก็แสดงให้เห็นว่าเธอปฏิเสธเขาไม่ได้อย่างแน่นอน “ท่านกำลังบังคับมีสนะ” เซน่าพูดขึ้นมาโดยที่วิวาห์ไม่ทันได้คาดคิด “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เจ้าเป็นแค่สาวใช้ หุบปากของเจ้าซะ!” ร้อยเอกยานิหันไปตะคอกเซน่าด้วยท่าทางข่มขู่ เด็กสาวทำท่าจะโต้เถียงอีก แต่หญิงสาวรีบแตะแขนเอาไว้เสียก่อนพลางมองสบตาเด็กสาวเป็นเชิงห้าม ก่อนจะหันไปพูดกับร้อยเอกยานิ “ดิฉันจะไปค่ะ กรุณารอสักครู่ ขอดิฉันขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ มาเถอะเซน่ามาช่วยฉันแต่งตัวที” พูดจบหญิงสาวก็จูงมือเด็กสาวให้เดินตามขึ้นไปบนห้องพักทันที
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
5 คำเชิญของเจ้าชายอานัม
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A