7 องค์ประมุขและองค์รัชทายาทแห่งอัคบาชา
1/
7 องค์ประมุขและองค์รัชทายาทแห่งอัคบาชา
ร้อยรักทรายเสน่หา
(
)
已经是第一章了
7 องค์ประมุขและองค์รัชทายาทแห่งอัคบาชา
“คุณอันน่าคะ จริงหรือคะที่องค์ฟาราซอยากพบฉัน” วิวาห์ถามขึ้นทันทีที่แน่ใจว่าเดินออกมาพ้นเขตตำหนักของเจ้าชายอานัมแล้ว หัวหน้านางกำนัลสาวสวยจากตำหนักพระสนมเอกนิลลาหันมามองเธอยิ้มๆ พลางพูด “จริงสิคะ คุณวิวาห์ไม่เชื่อที่ฉันพูดเหรอคะ” “คือฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องที่บังเอิญมากจริงๆ เลยนะคะ” วิวาห์พูด “ทำไมล่ะคะ หรือว่าคุณวิวาห์อยากจะนั่งพูดคุยกับเจ้าชายอานัมต่อล่ะคะ” อันน่าถามยิ้มๆ วิวาห์ส่ายหน้าอย่างรวดเร็วทันที จนอันน่าถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนอธิบายว่า “ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญทั้งหมดหรอกค่ะ พระสนมเอกรู้ว่าคุณวิวาห์อยู่ที่ตำหนักของเจ้าชายอานัมก็เพราะว่าคุณมิราโทรศัพท์มาบอกค่ะ” “จริงหรือคะ” หญิงสาวถามอย่างตื่นเต้น ถ้าเป็นเพราะมิราโทรศัพท์มาบอก ก็แสดงว่าพระสนมเอกตั้งใจส่งอันน่ามาช่วยเธอจริงๆ นั่นแหละ ซึ่งพระสนมเอกฉลาดมากที่ยกเอาองค์ฟาราซมาเป็นข้ออ้าง เพราะรู้ว่าชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์คงจะไม่กล้าขัดใจพระบิดาอย่างแน่นอน “คุณมิราโทรศัพท์มาท่าทางร้อนใจมากเลย ฉันว่าถ้าทำได้เธอคงอยากจะตามเข้าไปเอาตัวคุณออกมาจากตำหนักของเจ้าชายอานัมเองด้วยซ้ำค่ะ” อันน่าพูดยิ้มๆ “แล้วองค์ฟาราซทราบเรื่องได้ยังไงล่ะคะ พระสนมเอกให้คนไปบอกท่านหรือคะ” วิวาห์ถาม “บังเอิญองค์ฟาราซอยู่ด้วยค่ะ ตอนที่คุณมิราโทรศัพท์มา ท่านไม่สบายใจมากเหมือนกันที่เจ้าชายอานัมทำแบบนี้ องค์ฟาราซเป็นคนบอกให้ฉันมารับตัวคุณไปที่ตำหนักของพระสนมเอกเองเลยนะคะ” อันน่าบอกหญิงสาว วิวาห์ถอนหายใจเบาๆ พลางพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “โชคดีของฉันนะคะที่องค์ฟาราซอยู่ด้วย” “ใช่ค่ะ เพราะถ้าองค์ฟาราซไม่ได้อยู่ด้วยพระสนมเอกกับฉันก็คงจะยุ่งยากกว่านี้ ที่จะคิดหาทางช่วยเหลือคุณออกมา” คำพูดของอันน่าทำให้หญิงสาวเสียวสันหลังวูบทันที วิวาห์ไม่อยากจะคิดเลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับตัวเอง ถ้าพระสนมเอกกับอันน่าหาทางช่วยเหลือเธอไม่ได้ เธอคงจะไม่ได้กลับออกมาจากตำหนักแห่งนั้น โดยมีคำนำหน้าว่านางสาวอย่างเต็มภาคภูมิเป็นแน่ “อ้อ มากันแล้ว” พระสนมเอกนิลลาเอ่ยขึ้น ทันทีที่อันน่าเดินนำวิวาห์เข้าไปในห้องโถงใหญ่ภายในตำหนัก ขณะนี้พระสนมเอกกำลังนั่งอยู่บนตั่งเคียงข้างสุภาพบุรุษวัยประมาณห้าสิบเศษ ซึ่งไม่ต้องบอกหญิงสาวก็รู้ว่าคือองค์ประมุขแห่งอัคบาชาอย่างแน่นอน เพราะสง่าราศีและใบหน้าสุขุมเยือกเย็น อีกทั้งดวงตาสีน้ำตาลที่เปี่ยมล้นไปด้วยความเมตตา หากแต่ดูเด็ดเดี่ยวบ่งบอกถึงความเป็นผู้นำได้เป็นอย่างดี วิวาห์ย่อตัวลงถอนสายบัวทำความเคารพทั้งสองท่านทันที “ตามสบายเถอะวิวาห์” องค์ฟาราซบอกกับหญิงสาวเป็นภาษาอังกฤษ และมองหญิงสาวชาวต่างชาติอย่างเพ่งพิศ แล้วก็ไม่นึกแปลกใจเลย ที่ลูกชายคนรองถึงกับส่งคนไปเชิญแกมบังคับ ให้หญิงสาวผู้นี้มาร่วมโต๊ะอาหารมื้อค่ำด้วย “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยืดตัวขึ้นยืนตรงแต่แล้วก็ต้องชะงักทันที เมื่อเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีชายหนุ่มอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้บุนวมตัวใหญ่ทางด้านขวา เยื้องกับตั่งที่องค์ฟาราซกับพระสนมเอกนิลลานั่งอยู่ แต่เธอไม่ทันได้สังเกตในตอนแรก เพราะว่ามัวแต่ตื่นเต้นที่ได้พบกับองค์ฟาราซ เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาคมสัน เรือนผมสีทอง ดวงตาสีน้ำตาล จมูกโด่งเป็นสัน รับกับริมฝีปากได้รูปสวยที่กำลังส่งยิ้มมาให้เธออย่างอ่อนโยน “วิวาห์จ๊ะ นี่คือเจ้าชายซานันจ้ะ” พระสนมเอกนิลลาบอก หญิงสาวจึงรีบย่อตัวลงถอนสายบัวเพื่อแสดงความเคารพทันที “เชิญตามสบายครับมีสวิวาห์” ซานันบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวยืดตัวขึ้นยืนตรงอีกครั้ง ก่อนจะถอยมานั่งบนเก้าอี้บุนวมทางฝั่งซ้ายของตั่งที่ประทับ โดยมีอันน่ายืนอยู่ข้างๆ “มิราโทรศัพท์มาโวยวายใหญ่ว่าเพื่อนถูกขโมยมา เราเองก็ไม่สบายใจ ต้องขอโทษแทนลูกชายเราด้วยนะวิวาห์ อานัมเป็นคนทำอะไรตามใจตัวเองจนเสียนิสัยจริงๆ” องค์ฟาราซบอกกับหญิงสาว วิวาห์จึงได้แต่ยิ้มพลางพูด “เจ้าชายอานัมให้เกียรติดิฉันมากค่ะ เพียงแต่ดิฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนักที่ออกมาจากบ้าน โดยไม่ได้บอกกล่าวกับเจ้าของบ้านเสียก่อน” “คืนนี้เห็นทีเจ้าคงต้องค้างที่นี่เสียแล้วล่ะวิวาห์ เพราะเดินทางกลับตอนกลางคืนคงไม่สะดวกนัก” พระสนมเอกบอกหญิงสาว ก่อนจะหันไปบอกอันน่าให้ไปจัดเตรียมห้องพักให้วิวาห์ “นิลลาเล่าว่าเจ้าเป็นไกด์นำเที่ยวหรือมีสวิวาห์” องค์ฟาราซถาม “ค่ะ” หญิงสาวตอบ “เห็นว่าพูดได้หลายภาษาด้วยรึ” องค์ฟาราซถามมาอีก “ค่ะ ดิฉันจำเป็นต้องเรียนรู้หลายภาษา เพราะอาชีพไกด์นำเที่ยว ต้องพบปะกับนักท่องเที่ยวหลายเชื้อชาติ ถ้าหากสื่อสารกันไม่ได้ก็ลำบากมากค่ะ” วิวาห์ตอบ “อืม เก่งจริงๆ มิน่านิลลาถึงได้ชื่นชมเจ้านัก อายุยังน้อย ทั้งเก่งและงดงามจริงๆ เอ เราต้องรีบกลับไปทำงานต่อแล้วล่ะ ถ้าไม่เสร็จทันวันพรุ่งนี้ เห็นทีว่าท่านนายพลอัสมาจะบ่นเราเป็นการใหญ่แน่ หึๆ” องค์ฟาราซพูดติดตลก พลางขยับลุกขึ้นจากตั่ง “ถ้าหากพรุ่งนี้งานของท่านพ่อไม่เสร็จ ท่านพ่อต้องโดนท่านลุงอัสมากักบริเวณเป็นแน่” วิวาห์ได้ยินชายหนุ่มผู้มีตำแหน่งเป็นถึงองค์รัชทายาทหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดกับองค์ฟาราซด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้มีนิสัยที่ร่าเริงแจ่มใสและอ่อนโยนจริงๆ เพราะใบหน้าคมสันของเขาระบายเอาไว้ด้วยรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลา ดวงตาสีน้ำตาลเข้ม เช่นเดียวกับองค์ฟาราซและเจ้าชายนาดีนก็แลดูอ่อนโยนยิ่งนัก วิวาห์บอกกับตัวเองอยู่ภายในใจว่า ชายหนุ่มคนนี้ช่างเหมาะสมที่จะเป็นองค์รัชทายาทจริงๆ “ถ้าหากพรุ่งนี้พ่อถูกกักบริเวณจริงๆ เจ้าก็ตามนิลลาไปช่วยด้วยก็แล้วกันซานัน เอาล่ะเห็นทีจะต้องขอตัวไปทำงานจริงๆ แล้ว เอาไว้โอกาสหน้าพบกันใหม่นะมีสวิวาห์” ท้ายประโยคองค์ฟาราซหันมาบอกหญิงสาวพร้อมรอยยิ้มก่อนก้าวออกไปจากตำหนักของพระสนมเอกนิลลา ท่ามกลางนายทหารราชองครักษ์หลายสิบนาย หลังจากองค์ฟา ราซออกไปได้สักครู่ เจ้าชายซานันจึงเอ่ยขอตัวกลับตำหนักเช่นกัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นเวลาดึกพอสมควรแล้ว เมื่อองค์ฟาราซและองค์รัชทายาทกลับไปแล้ว พระสนมเอกนิลลาจึงให้อันน่าพาวิวาห์ไปที่ห้องพัก เพื่อให้หญิงสาวได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและนอนพักผ่อนบ้าง “อาบน้ำเรียบร้อยแล้วหรือวิวาห์” พระสนมเอกนิลลาเข้ามาภายในห้องพักของวิวาห์ หลังจากที่เธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วถามขึ้น “ค่ะ พระสนมเอก” วิวาห์ตอบ “เมื่อครู่นี้มิราโทรศัพท์มาบอกว่า จะเข้ามารับเจ้าพรุ่งนี้ตอนสายๆ” “ค่ะ” พระสนมเอกนิลลามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณา พลางบอกตนเองว่าเธอเป็นคนที่งดงามมาก ใบหน้าสวยหวานละมุนละไม ดวงตาโตดำขลับ จมูกโด่งงดงามรับกับริมฝีปากเรียวบาง ยามเมื่อปล่อยผมยาวสยายอย่างนี้ยิ่งทำให้ใบหน้านั้นดูมีเสน่ห์ชวนมอง รูปร่างระหง ผิวขาวนวลเนียน ก็น่าอยู่หรอกที่จะเป็นที่ต้องตาชาย พระสนมเอกถอนหายใจเบาๆ ก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เราจะไม่อ้อมค้อมนะวิวาห์ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ เราคิดว่าเจ้าชายอานัมคงจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ เป็นแน่ เจ้าคงจะรู้ดีนะว่าเจ้าชายอานัมชื่นชอบเจ้ามากเพียงใด” พระสนมเอกเว้นช่วงนิดหนึ่ง ก่อนพูดต่อไปอีกว่า “เรากับมิราเป็นห่วงเจ้ามาก ถ้าหากวันนี้องค์ฟาราซไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย เราเองก็ยังไม่รู้ว่าจะหาทางช่วยเหลือเจ้าได้อย่างไร ดังนั้นในช่วงระยะเวลาอีกหลายวันที่เจ้าจะต้องอยู่ในอัคบาชา เราเห็นสมควรว่าเจ้าควรจะมาพักอยู่ที่ตำหนักของเราชั่วคราว เพราะว่าเจ้าจะไม่ปลอดภัยถ้าเจ้าอยู่ที่บ้านของมิรา” วิวาห์ตาโตพลางมองใบหน้างดงามของพระสนมเอกนิลลาอย่างคาดไม่ถึง ก่อนจะถามซ้ำว่า “จะให้ดิฉันมาพักอยู่ที่นี่หรือคะ” “ใช่ เพื่อความปลอดภัยของเจ้า และความสบายใจของเรากับมิรา ถึงแม้ว่าเจ้าชายอานัมจะไม่ได้ให้ความเคารพนับถืออะไรเรามากมายนัก แต่อย่างน้อยก็ต้องเกรงใจเราบ้างในฐานะพระสนมเอก คงจะไม่กล้าส่งคนมาเอาตัวเจ้า ซึ่งเป็นแขกของเราออกไปจากตำหนักของเรา โดยที่ไม่ได้ขออนุญาตเราเสียก่อนหรอก เจ้าจะว่ายังไงยินดีที่จะมาพักอยู่ที่นี่รึเปล่า” ท้ายประโยคพระสนมเอกถามหญิงสาว วิวาห์พยักหน้าทันทีพลางตอบ “ดิฉันสุดแล้วแต่พระสนมเอกจะเมตตาค่ะ ถ้าวันนี้ไม่ช่วยเหลือ ดิฉันก็คง...” หญิงสาวหยุดคำพูดของตัวเองเอาไว้ เพราะไม่กล้าพูดจนจบประโยค พระสนมเอกนิลลาจึงพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันว่าตกลงตามนี้ พรุ่งนี้เจ้ากลับไปบ้านกับมิราก่อน จัดเตรียมข้าวของให้เรียบร้อย แล้ววันมะรืนค่อยให้มิราพามาส่งที่ตำหนักของเราแต่เช้านะ” พระสนมเอกพูดจบก็ออกไปจากห้องพักของหญิงสาว วิวาห์จึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มอย่างอ่อนล้า “เจ้าชายซานันมาค่ะ” อันน่าเข้ามาบอกกับพระสนมเอกนิลลา ในระหว่างที่พระนางนั่งให้เหล่านางกำนัลช่วยกันแต่งตัวให้ในตอนเช้า “หืม ซานันหรือมาทำไมแต่เช้า” พระสนมเอกรำพึงอย่างแปลกใจ ก่อนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามอันน่า “วิวาห์ตื่นรึยังอันน่า” “ตื่นแล้วค่ะ เธออาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้กำลังนั่งสนทนาอยู่กับเจ้าชายซานันที่ห้องโถง” อันน่าตอบ พระสนมเอกพยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงรับรู้ ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจของพระนาง ยิ่งเมื่อออกมาเห็นองค์รัชทายาทแห่งอัคบาชา กำลังนั่งสนทนาอยู่กับหญิงสาวชาวต่างชาติอย่างสนุกสนาน ก็ยิ่งมั่นใจว่าคาดการณ์ไม่ผิด “ท่านแม่” ซานันเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เมื่อหันมาเห็นพระสนมเอกนิลลาก้าวเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่ ร่างสูงโปร่งยืนขึ้นก่อนเดินมารับพระมารดาเลี้ยงให้ไปนั่งที่ตั่งด้วยกิริยาอ่อนโยน จนวิวาห์ถึงกับยิ้มออกมาอย่างชื่นชม “ลูกมาแต่เช้า มีธุระหรือเปล่าจ๊ะ” พระสนมเอกถาม “ลูกว่าจะมาขอร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับท่านแม่” ซานันตอบยิ้มๆ “เอ เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ ถึงอยากจะมาทานมื้อเช้าที่นี่” พระสนมเอกถามยิ้มๆ ทีเล่นทีจริง พลางมองอีกฝ่ายอย่างสังเกตสังกาเป็นพิเศษ ซานันสบตากับพระมารดาเลี้ยง พร้อมทั้งหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบ “ลูกตื่นแต่เช้า แล้วก็เดินเล่นมาเรื่อยๆ พอมาถึงตำหนักท่านแม่ ลูกหิวพอดีก็เลยแวะเข้ามา” “อ๋อ เดินมาเรื่อยๆ หรอกหรือจ๊ะ” พระสนมเอกถามยิ้มๆ อย่างรู้ทัน ซานันเลยได้แต่ทำหน้าเก้อๆ ขณะที่วิวาห์ไม่ได้คิดอะไรกับคำพูดหยอกล้ออย่างมีนัยของพระสนมเอกนิลลา เพราะมัวแต่ชื่นชมที่พระสนมเอกนิลลามีจิตใจงดงามรักเจ้าชายซานัน ซึ่งไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของตนเองอย่างจริงใจ ขณะที่เจ้าชายหนุ่มผู้เป็นลูกเลี้ยงก็รักและเคารพพระสนมเอกราวกับพระมารดาแท้ๆ เช่นกัน
已经是最新一章了
加载中
下载 LoveNovel
海量小说享免费阅读
立即下載
需支付:
0.00
7 องค์ประมุขและองค์รัชทายาทแห่งอัคบาชา
去登录
APP免费观看
自动购买下一章
余额:
0
充值
0
领星星
取消
发布
A
A
A
A
A