9 หนักใจ
“โธ่! คุณอันน่าคะ รับรองว่าไม่เผ็ดหรอกค่ะ ลองทานดูสิคะ”
ภาษาพื้นเมืองอัคบาชาแปร่งๆ ทำให้นาดีนต้องชะงักฝีเท้าที่กำลังก้าวเดิน ก่อนจะหันมองเข้าไปที่ศาลาเล็กกลางอุทยานดอกไม้ ร่างระหงในชุดกระโปรงยาวกรอมเท้าสีเหลืองนวลตา ที่กำลังคะยั้นคะยอให้อันน่ารับประทานอะไรบางอย่างในจานเปลใบใหญ่ที่เจ้าหล่อนถืออยู่นั้นช่างคุ้นตาชายหนุ่มยิ่งนัก
นาดีนเปลี่ยนใจจากที่ตั้งใจว่าจะตรงเข้าไปหาพระมารดาในตำหนัก เป็นก้าวเท้าเข้าไปในอุทยานดอกไม้แทน เหล่านางกำนัลที่กำลังนั่งเล่นอยู่บนพื้นสนามหญ้าเขียวขจี ต่างพากันรีบลุกขึ้นยืนแสดงความเคารพด้วยการถอนสายบัวทันที เมื่อเห็นเจ้าชายหนุ่มก้าวเข้ามาภายในอุทยาน แต่หญิงสาวคนที่กำลังคะยั้นคะยออันน่าอยู่ยังไม่รู้ตัวเนื่องจากยืนหันหลังอยู่ และยังคงคะยั้นคะยออันน่าต่อ
“นะคะคุณอันน่า ถ้าคุณอันน่าไม่ชิมให้ฉัน แล้วใครจะชิมล่ะคะ ทุกคนปฏิเสธกันหมดเลย”
“ไม่เอาหรอกค่ะแค่ดูสีก็ไม่ไหวแล้ว เอ๊ะ! เจ้าชาย” อันน่าปฏิเสธและท้ายประโยคหัวหน้านางกำนัลก็อุทานออกมาเบาๆ เมื่อเหลือบมาเห็นร่างสูงสง่าในเครื่องแบบนายทหาร เจ้าหล่อนจึงรีบลุกขึ้นยืนถอนสายบัวทันที วิวาห์เองก็รีบหมุนตัวหันกลับมาเพื่อแสดงความเคารพเขาเช่นกัน
แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องเสียหลักเซถลาไปข้างหน้า พลางร้องอุทานเสียงดังเพราะเหยียบชายกระโปรงตัวเอง และเธอก็คงจะล้มไม่เป็นท่าพร้อมกับจานอาหารที่ถืออยู่ในมือ ถ้าหากว่าอ้อมแขนแข็งแรงของนาดีนจะไม่ตวัดรัดเอวบางเอาไว้ได้ทันเสียก่อน พร้อมทั้งช่วยจับจานเปลใบใหญ่ในมือของวิวาห์เอาไว้ได้รวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
“ขอบ...ขอบคุณมากค่ะ” หญิงสาวพึมพำตะกุกตะกัก พลางรีบขยับตัวออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่ม ด้วยใบหน้าที่ร้อนผะผ่าวเพราะความอับอายจากเหตุการณ์น่าขายหน้าเมื่อครู่
“ไม่เป็นไร” นาดีนบอกหญิงสาวด้วยน้ำเสียงทุ้มราบเรียบเช่นเดียวกับสีหน้า แม้จะไม่ถึงกับอ่อนโยนเหมือนเวลาที่พูดกับพระสนมเอกนิลลาหรือมิรา แต่ก็ไม่ถึงกับแข็งกระด้างในความรู้สึกของคนฟัง
“นี่อะไรหรือ” นาดีนถามหญิงสาวเมื่อมองอาหารในจานเปลใบใหญ่ที่วิวาห์ถืออยู่ ซึ่งประกอบไปด้วยกุ้งตัวโต ปลาหมึกชิ้นใหญ่ อีกทั้งวุ้นเส้น พริกสดสีแดงจัดและหอมใหญ่เต็มจาน แถมยังโรยหน้าด้วยผักชีอย่างสวยงาม
“เอ่อ ยำรวมมิตรค่ะ” วิวาห์ตอบ
“หน้าตาน่ารับประทานนะ ผมขอชิมได้ไหม” คำถามประโยคนี้ทำให้วิวาห์ถึงกับทำตาโต อันน่าเองก็มีสีหน้าประหลาดใจ เช่นเดียวกับเหล่านางกำนัลที่พากันมองสบตากันด้วยความประหลาดใจพอกัน
“ว่ายังไง ผมขอชิมจะได้หรือเปล่า” นาดีนถามย้ำอีกครั้ง
“ได้...ได้สิคะ แต่ดิฉันเกรงว่าเจ้าชายอาจจะไม่ชอบ เอ่อ...อาจจะเผ็ดด้วยนะคะ”
นาดีนไม่ได้พูดอะไรกับหญิงสาว หากแต่เอื้อมมาหยิบช้อนที่วางอยู่ในจาน แล้วตักยำรวมมิตรขึ้นรับประทานทันที ท่ามกลางสายตาของวิวาห์ อันน่ากับเหล่านางกำนัลทุกคน และแล้วใบหน้าขาวผ่องก็กลายเป็นสีแดงจัดขึ้นมาทันที
“รีบไปเอาน้ำมาให้เจ้าชายเร็วเข้า” เสียงอันน่าหันไปสั่งนางกำนัล ซึ่งก็รีบกุลีกุจอรินน้ำใส่แก้วมาให้ชายหนุ่มทันที
“เผ็ดมากมั้ยคะ” วิวาห์ถามด้วยความเป็นห่วง นาดีนดื่มน้ำต่ออีกครู่ใหญ่ก่อนตอบว่า
“อร่อยมาก แต่เผ็ดไปหน่อย”
หญิงสาวถึงกับอมยิ้มอย่างเอ็นดู เมื่อเห็นใบหน้าที่ยังคงแดงระเรื่ออยู่พอกับริมฝีปากของเจ้าชายหนุ่ม ซึ่งฟ้องว่าคงจะไม่ใช่แค่เผ็ดไปหน่อยอย่างที่เขาบอกเธอเป็นแน่
“อ้าว นาดีนมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่ลูก” เสียงพระสนมเอกนิลลาถามขึ้น พร้อมกับที่ร่างโปร่งบางก้าวเข้ามาภายในอุทยาน โดยมีนางกำนัลติดตามมาอีกสองคน นาดีนจึงรีบก้าวไปรับพระมารดามานั่งภายในศาลาไม้ด้วยตนเอง พระสนมเอกมองสีหน้าของลูกชาย พลางเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“ลูกไม่สบายรึเปล่านาดีน ทำไมหน้าแดงเรื่ออย่างนี้”
“ลูกสบายดีครับท่านแม่ เพียงแต่เมื่อครู่ลูกลองชิมอาหารของคุณวิวาห์ เอ่อ...เผ็ดไปหน่อยก็เลยหน้าแดง” นาดีนตอบพระมารดา พระสนมเอกนิลลาจึงมองมาที่จานเปลใบใหญ่ที่วิวาห์ถืออยู่ แล้วหัวเราะเบาๆ อย่างขบขัน ก่อนเอ่ยถามวิวาห์
“อาหารจานนี้ชื่อว่าอะไรหรือจ๊ะวิวาห์ ท่าทางจะเผ็ดมากอยู่นะ นาดีนถึงได้ออกอาการขนาดนี้”
“ชื่อว่ายำรวมมิตรค่ะ เป็นอาหารง่ายๆ ที่คนไทยชอบทำรับประทานเป็นอาหารว่าง หรือในงานเลี้ยงสังสรรค์ค่ะ ดิฉันเห็นมีเครื่องปรุงอยู่ก็เลยทำมา ว่าจะให้ทุกคนลองชิมดูแต่ไม่มีใครยอมชิมเลย จนเจ้าชายมาค่ะ” หญิงสาวตอบ
“หน้าตาน่ารับประทานดีนะ แต่คงจะเผ็ดมากไปนิดหนึ่ง เจ้าจะช่วยทำใหม่อีกสักจานได้ไหมวิวาห์ เราอยากจะลองชิมดูบ้าง” พระสนมเอกบอก
“ได้สิคะ” วิวาห์ตอบอย่างเต็มใจ ก่อนจะถอนสายบัวแล้วหมุนตัวก้าวยาวๆ มุ่งหน้าไปทางโรงครัวทันที เมื่อลับร่างหญิงสาว พระสนมเอกนิลลาก็เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ในระหว่างที่นาดีนออกไปตรวจราชการให้เขาฟังทันที
“ท่านพี่อานัมเอาแต่ใจจริงๆ ถึงอย่างไรเธอก็เป็นเพื่อนของมิรา ถ้าไม่เกรงใจมิราก็น่าเกรงใจท่านลุงอัสมาบ้าง” นาดีนเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเคร่งขรึม เมื่อได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมดจากพระมารดา
“ก็เธองดงามมากขนาดนั้น แม้แต่ท่านพี่ของลูกก็ยังมาที่นี่ทุกวันเลย ตั้งแต่วิวาห์เข้ามาพักอยู่กับแม่”
“ท่านพี่ซานันหรือครับท่านแม่” ชายหนุ่มทวนถามพระมารดาอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลเข้มมีแววครุ่นคิดและใบหน้าเคร่งขรึมมากกว่าเดิม หากแต่พระสนมเอกไม่ทันได้สังเกตจึงพยักหน้า แล้วตอบยิ้มๆ
“ใช่จ้ะ มาทุกวันเลยคงจะถูกใจอยู่ไม่น้อย” พระสนมเอกหยุดพูด เมื่อเห็นวิวาห์กำลังเดินประคับประคองจานอาหารเดินตรงมายังศาลาไม้
“อืม อร่อยจริงๆ รสชาติดีมาก นาดีนลองชิมดูสิลูก จานนี้ไม่เผ็ดหรอกจ้ะ” พระสนมเอกหันไปบอกกับลูกชายในตอนท้ายประโยค หลังจากที่ลองชิมยำรวมมิตรจานใหม่ของวิวาห์แล้ว
นาดีนจึงขยับเข้ามาตักยำรวมมิตรรับประทานอีกครั้ง คราวนี้สีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนและรับประทานยำรวมมิตรอย่างเอร็ดอร่อยจนหมดจาน ซึ่งก็สร้างความปลาบปลื้มใจให้กับวิวาห์เป็นอันมาก จนหญิงสาวต้องแอบอมยิ้มอยู่กับตัวเองคนเดียว
ตอนกลางคืนหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว วิวาห์จึงโทรศัพท์ไปหารสสุคนธ์แล้วเล่าเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงห้าวันที่ผ่านมาให้หญิงสาวรุ่นพี่ฟังอย่างละเอียดลออ
“ต๊าย! เราเสน่ห์แรงขนาดนั้นเลยเหรอวิว นี่ถึงขนาดต้องวางแผนชิงตัวประกันเลยเหรอ” เสียงรสสุคนธ์ถามมาจากปลายสายอย่างขบขันเมื่อฟังเรื่องทั้งหมดจบ วิวาห์ถอนหายใจเบาๆ พลางพูด
“เฮ้อ! วิวไม่ปลื้มเลยนะคะพี่รส เจ้าชายอานัมน่ากลัวจะตาย”
“แต่ก็ถือว่าเป็นความโชคร้ายบนความโชคดีนะ วิวก็เลยได้เข้าไปเป็นสาวชาววังตั้งหลายวัน ว่าแต่เท่าที่พี่ฟังๆ ดู รู้สึกว่าเจ้าชายซานันที่ชักจะยังไงๆ อยู่น้า”
“ชักจะยังไง อะไรกันคะพี่รส” วิวาห์ถามหญิงสาวรุ่นพี่อย่างไม่เข้าใจ
“อ้าว ก็ที่ท่านแวะมาที่ตำหนักของพระสนมเอก ชนิดเช้าถึงเย็นถึงทุกวันนับตั้งแต่วิวเข้าไปอยู่ในวังไง ไม่รู้สึกว่าผิดปกติบ้างหรือจ๊ะ พี่ว่าท่านอาจจะกำลังปิ๊งวิวอยู่ก็ได้นะ” รสสุคนธ์ตอบกลับมา
“โธ่! พี่รสคะ พูดอะไรอย่างนั้น เหาจะกินหัววิวนะคะ ท่านเป็นถึงองค์รัชทายาทคงไม่มาสนใจคนธรรมดาอย่างวิวหรอกค่ะ แล้วที่ท่านมาที่ตำหนักของพระสนมเอกทุกวัน ก็เพราะท่านมาหาพระสนมเอกต่างหากล่ะคะ” วิวาห์แย้ง
“แน่ใจเหรอจ๊ะ แล้วถ้าท่านเกิดสนใจวิวขึ้นมาจริงๆ ล่ะ วิวจะว่ายังไง”
คำถามที่รสสุคนธ์ย้อนถามกลับมา ทำให้หญิงสาวถึงกับนั่งอึ้งไปครู่หนึ่ง พลางนึกถึงคำถามทีเล่นทีจริงของเจ้าชายซานันเมื่อหลายวันก่อนขึ้นมาทันที
‘แล้วถ้าหากว่ามีคนยอมโชคร้าย คุณจะยอมแต่งงานกับคนๆ นั้นหรือเปล่าครับ มีสวิวาห์’
หญิงสาวส่ายศีรษะ พลางบอกตัวเองว่าชายหนุ่มคงไม่ได้หมายความอะไรเกินกว่าการพูดเล่นเท่านั้น ก่อนตอบรสสุคนธ์กลับไปว่า
“ไม่ว่ายังไงหรอกค่ะพี่รส เพราะอีกไม่กี่วันวิวก็จะได้กลับบ้านแล้ว วิวไม่คิดอะไรทั้งนั้นแหละค่ะ”
“จ้า ถ้าวิวไม่คิดอะไรก็ดี หนุ่มๆ ที่เมืองไทยจะได้ไม่ต้องอกหัก” รสสุคนธ์พูดมาจากปลายสาย ทั้งสองสาวพูดคุยกันอีกครู่หนึ่งวิวาห์จึงวางสายแล้วล้มตัวลงนอน แต่หญิงสาวก็ยังไม่อาจข่มตาให้หลับลงได้ เพราะว่าคำพูดของรสสุคนธ์กำลังทำให้เธอเริ่มรู้สึกกังวลใจอยู่ลึกๆ
ภาพใบหน้าคมสันที่มีรอยยิ้ม และแววตาอ่อนโยนมอบให้เธอเสมอของเจ้าชายซานันผุดขึ้นมาในภวังค์ความคิดของหญิงสาว วิวาห์สลัดภาพนั้นออกไปพลางบ่นพึมพำ
“พี่รสไม่น่าพูดให้เราคิดมากเลย เขาคงไม่คิดอะไรกับเราหรอกน่า”
หญิงสาวผุดลุกขึ้นนั่ง นึกถึงบุคลิกที่แตกต่างกันของทายาททั้งสามแห่งอัคบาชาทีละคน แล้วหญิงสาวอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เมื่อนึกถึงเจ้าชายนาดีน ภาพที่ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์รับประทานยำรวมมิตร แล้วเผ็ดจนใบหน้าแดงระเรื่อเมื่อตอนบ่ายน่าเอ็นดูน้อยเสียเมื่อไหร่กันล่ะ
“น่ารักจัง เผ็ดจนหน้าแดงเลย” หญิงสาวพึมพำยิ้มๆ ก่อนทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง แล้วก็นอนหลับไปทั้งรอยยิ้มอย่างนั้น
“อะไรนะยานิ! เจ้าบอกว่าวิวาห์มาพักอยู่ที่ตำหนักสนมเอกนิลลางั้นรึ” อานัมถามนายทหารคนสนิทด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด ใบหน้าบึ้งตึง ดวงตาขุ่นขวางด้วยแรงแห่งโทสะ เมื่อได้รับรายงานว่าขณะนี้วิวาห์ไม่ได้พักอยู่ที่บ้านของมิราแล้ว แต่เข้ามาพักอยู่ในตำหนักของพระสนมเอกนิลลาแทน
“มีสวิวาห์เข้ามาพักอยู่กับพระสนมเอกหลายวันแล้วครับ” ร้อยเอกยานิตอบ
“ต้องเป็นแผนการของใครสักคนแน่ๆ ที่คิดจะขัดขวางเรา นังนิลลา นังมิรา สองอาหลาน มันกล้าเป็นศัตรูกับเรา” ชายหนุ่มสูงศักดิ์พูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด บ่งบอกถึงความจงเกลียดจงชังผู้ที่ถูกเอ่ยชื่ออย่างชัดเจน
“จะให้กระผมทำยังไงดีครับ” ร้อยเอกยานิถามอย่างเกรงๆ เพราะรู้ดีว่าเจ้าชายหนุ่มผู้เป็นนายกำลังโกรธเกรี้ยวอย่างรุนแรง
“เจ้าไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้นยานิ พวกมันขัดขวางเราได้อีกไม่นานนักหรอก ยังไงเราก็ต้องเอาหญิงสาวชาวต่างชาติคนนั้นมาครอบครองให้ได้ แล้วเราจะตอบแทนคนที่เป็นศัตรูกับเราทุกคนอย่างสาสม”
อานัมพูดอย่างหมายมาด ดวงตาและใบหน้าฉายแววเหี้ยมเกรียมจนร้อยเอกยานิถึงกับขนลุกซู่เลยทีเดียว
นาดีนยืนมองไปทางตำหนักของพระมารดาด้วยแววตาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหมุนร่างสูงสง่าเดินกลับมานั่งลงที่โต๊ะทำงาน พลางถอนหายใจเบาๆ กับเรื่องที่กำลังรบกวนจิตใจของเขาอยู่ แล้วเอื้อมมือไปดึงลิ้นชักโต๊ะทำงานด้านซ้ายมือให้เปิดออก เขากำลังจะเอื้อมมือเพื่อหยิบบางสิ่งบางอย่างขึ้นมา แต่แล้วทหารมหาดเล็กก็เข้ามารายงานว่า
“เจ้าชายซานันมาครับ”
ชายหนุ่มชะงักมือก่อนจะดันลิ้นชักโต๊ะทำงานให้ปิดตามเดิมแล้วรีบยืนขึ้นทันที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่ซานัน
ก้าวเข้ามาพอดี
“ท่านพี่ มาตอนนี้มีเรื่องด่วนอะไรรึเปล่า” นาดีนถามขึ้น เมื่อสองพี่น้องมานั่งอยู่ด้วยกันที่ชุดโซฟาบุนวมตัวใหญ่เรียบร้อยแล้ว ซานันหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามกระเซ้าน้องชายคนเล็ก
“พี่ต้องมีเรื่องด่วนหรือ จึงจะเข้าพบกับพันโทนาดีนได้”
“โธ่! ท่านพี่ พูดเล่นอีกแล้ว ที่ผมถามก็เพราะเห็นท่านพี่มาหากลางดึกหรอกน่า” นาดีนแย้ง ซานันเลยหัวเราะเบาๆ ก่อนตอบว่า
“พี่ไม่มีเรื่องด่วนอะไรหรอกนาดีน ก็แค่คิดถึงน้องชายที่ออกไปตรวจราชการแถวชายแดนเสียหลายวันเลยแวะมาเยี่ยม ก็เท่านั้นเอง”
“มาเยี่ยมตอนจะเที่ยงคืนนี่นะท่านพี่” นาดีนทวนถาม พลางส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อถือ “ท่านพี่มีเรื่องอะไรก็พูดมาเถอะ อย่าบ่ายเบี่ยงเลยครับ”
“ช่างสมกับเป็นน้องรักของพี่จริงๆ นาดีน รู้ทันพี่ไปซะทุกเรื่องเลย” ซานันพูดยิ้มๆ ก่อนจะกล่าวต่อ “พี่มีเรื่องจะมาปรึกษาน้องจริงๆ น้องไปหาท่านแม่ที่ตำหนักแล้วใช่มั้ยนาดีน”
นาดีนพยักหน้าพลางตอบ
“พอกลับมาถึงเมื่อตอนบ่ายผมก็รีบไปหาท่านแม่ที่ตำหนักทันที”
“ถ้าอย่างนั้นน้องก็คงจะเห็นวิวาห์แล้วสินะ” ซานันพูดยิ้มๆ ซึ่งชื่อของวิวาห์ก็ทำให้นาดีนชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าโดยไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“น้องคิดว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง” ซานันถาม
“เป็นอย่างไร หมายความว่ายังไงครับ” นาดีนทวนถาม
“น้องคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่งดงามรึเปล่านาดีน” ซานันถามตรงๆ ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนเมื่อนึกถึงหญิงสาวที่ชื่นชอบอยู่ นาดีนอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนพยักหน้านิดหนึ่ง แล้วตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“เธอเป็นหญิงสาวที่งดงามคนหนึ่งท่านพี่”
“แล้วน้องคิดว่าเธอเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าหญิงพระชายาขององค์รัชทายาทแห่งอัคบาชารึเปล่า”
คำถามตรงๆ ของพี่ชายคนโตทำให้นาดีนถึงกับอึ้งไปอีกครั้ง ก่อนตอบว่า
“ถ้าหากท่านพี่รักเธอ เธอก็ย่อมต้องเหมาะสมอยู่แล้ว ขอเพียงแค่เธอยังไม่มีคนรักและเข้าใจกฎมณเฑียรบาลของอัคบาชา ผมคิดว่าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ท่านพ่อตามใจท่านพี่อยู่แล้ว ท่านพี่น่าจะลองพูดคุยกับเธอดูก่อน”
“อืม นั่นสินะ พี่ต้องรีบหาทางพูดคุยกับวิวาห์ ก่อนที่เธอจะเดินทางกลับ ไม่อย่างนั้นเห็นทีว่าพี่คงจะต้องติดตามเธอไปถึงประเทศไทยเป็นแน่” ซานันพูดจบประโยคก็หัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ยต่อ “เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่เห็นแล้วรู้สึกประทับใจทันที เพราะเธองดงาม น่ารักเป็นธรรมชาติมาก แล้วก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่อยากจะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงพระชายาด้วย น้องคงจะได้พี่สะใภ้เร็วๆ นี้แล้วล่ะนาดีน เอาล่ะ นี่ก็ดึกมากแล้วน้องพักผ่อนเถอะพี่จะกลับล่ะ ขอบใจที่เป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำกับพี่นะนาดีน”
ซานันพูดพร้อมทั้งขยับลุกยืนขึ้น นาดีนจึงขยับลุกขึ้นยืนบ้าง ก่อนจะเดินตามไปส่งอีกฝ่ายถึงหน้าห้อง หลังจากที่พี่ชายคนโตกลับไปแล้ว ชายหนุ่มก็เปลี่ยนใจเรื่องที่จะทำงานต่อ เป็นเดินเข้าไปในห้องนอนของตนเอง แล้วเอนร่างสูงสง่าลงนอนบนเตียง พลางครุ่นคิดถึงคำพูดของพี่ชายเมื่อครู่
‘แล้วน้องคิดว่าเธอเหมาะสมกับตำแหน่งเจ้าหญิงพระชายาขององค์มกุฎราชกุมารแห่งอัคบาชารึเปล่า’
‘เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่เห็นแล้วรู้สึกประทับใจทันที เพราะเธองดงาม น่ารักเป็นธรรมชาติมาก แล้วก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่พี่อยากจะแต่งตั้งให้เป็นเจ้าหญิงพระชายาด้วย’
ในที่สุดชายหนุ่มก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งในใจอย่างไม่มีเหตุผล ก่อนจะพยายามข่มตาให้หลับลงด้วยความยากลำบากในที่สุด