ตอน "ยามรัก" 2   1/    
已经是第一章了
ตอน "ยามรัก" 2
ปุริมรีบซ่อนสิ่งของที่อยู่ในมือเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง เขาหันหน้ามามองเธอ ใช้สองแขนกอดรอบเอวคอดไว้ แล้วโน้มใบหน้าเข้าหาใช้ปลายจมูกชนกับปลายจมูกเล็กเรียวของเธอ “วันนี้เมียพี่สวยเหลือเกิน” ผลักร่างบางออกห่าง แล้วสำรวจดูตัวน้องน้อย ชุดเดรสสีขาวกระโปรงสั้นเหนือหัวเข่า ช่วงคอเป็นจีบปิดกระดุม ช่วงแขนเป็นผ้าลูกไม้ยาวถึงข้อศอก ชุดที่อยู่บนตัวสาวน้อยแล้วมันช่างทำให้เธอดูสวยหวานน่ารักยิ่งเหลือเกิน ความสวยของเธอไม่ต่างจากครั้งแรกที่เขาเจอ ตอนนั่นอยู่ในชุดนักศึกษาเรียนอยู่ปีหนึ่ง เห็นครั้งแรกก็ทำให้อาจารย์หนุ่มตกหลุมรักนักศึกษาสาวทันที “ก็พี่ปุ๊บอกให้แต่งตัวสวยๆ นี่ค่ะ” เธอซบหน้าตรงอกหนา นิ้วชี้ของเธอก็ซนยิ่งนัก ชอนไชเข้าไปตรงช่องโหว่ที่เป็นกระดุมของเสื้อเชิ้ต เธอสะกิดและเขี่ยตรงผิวแน่นข้างราวนมของชายหนุ่มเล่นไปมาอย่างลืมตัว สาวเจ้าไม่ทันคิดว่าทำอะไรลงไป ในใจของเธอคิดแต่ว่ารักเขาหมดหัวใจ มอบตัวและหัวใจให้เขาดูแลตั้งแต่เจอเขาครั้งแรก “ปาน หยุดเดี๋ยวนี้” ใบหน้าของคนตัวโตแดงก่ำอดกลั้นไว้ ทั้งเสียวทั้งทรมาน การกระทำของสาวเจ้าสร้างแรงฮึกเหิมให้กับเขาอีกแล้ว เขากระซิบบอกเธอเสียงสั่น ห้ามปรามคนตัวน้อย ถ้าไม่หยุดมีเรื่องได้เข้าห้องอีกแน่ “ค่ะ!...” ปานประดับรีบชักนิ้วมือออกจากอกแน่นทันที เธอเงยหน้ามองเขาที่ก้มมองเธอด้วยสายตาหื่นๆ เธอรีบก้มหน้าหลบสายตาเขา “พี่รักปานนะครับ” ปลายนิ้วชี้เรียวใหญ่เชยคางมนให้แหงนขึ้นมองเขาอีกครั้ง ชายหนุ่มโน้มหน้าเข้าหายื่นเรียวปากหยักจูบสัมผัสตรงหน้าผากนวล “ปานก็รักพี่ปุ๊ค่ะ อย่าทิ้งปานนะคะ” เปรยบอกเขาเป็นนัยๆ เธอเชื่อใจเขา แต่เธอก็ยังกลัวเพราะชายหนุ่มมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาและยังมีพื้นฐานที่ดีอยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูง เป็นลูกชายคนเดียวและเป็นทายาทของตระกูลดังระดับต้นๆ ของเมืองไทย มีมหาวิทยาลัยนานาชาติหลายแห่งในประเทศไทยและต่างประเทศ ไหนจะยังมีโรงเรียนขนาดย่อยอีกที่แตกสาขาอยู่หลายจังหวัด ชายหนุ่มเป็นที่หมายปองของสาวๆ ในสังคมระดับเดียวกันกับเขา ผิดกันกับเธอที่ทางบ้านไม่ได้รวยเงินทองมากนัก ซ้ำตัวเธอเองก็ยังเป็นเด็กกำพร้าที่พ่อแม่บุญธรรมขอเธอมาเลี้ยงตั้งแต่เธออายุได้สิบขวบ “พี่รักปานคนเดียว เราจะแต่งงานกันให้เร็วที่สุด แต่ตอนนี้เราออกไปทำธุระกันนะครับ” คนตัวโตรั้งมือบางขึ้นจับจูงแล้วพาเธอเดินออกไปนอกห้องพัก ลงลิฟท์มาถึงลานจอดรถ แล้วพาเดินเข้าไปหารถคันหรู “พี่ปุ๊จะพาปานไปไหนคะ?” ปานประดับหันไปมองเสี้ยวหน้าอันคมคายของคนรักที่นั่งประจำที่อยู่ตรงฝั่งคนขับ เธอยังสงสัยไม่น้อยว่าธุระของเขาคืออะไร ทำไมต้องทำเป็นมีลับลมคมนัยด้วย ชายหนุ่มหันหน้ามามองคนตัวน้อยที่เอาแต่สงสัย เรียวปากหนาสีน้ำตาลอ่อนอมยิ้มให้กับเธอแล้วโน้มตัวเข้าหารั้งเอาสายเข็มขัดนิรภัยที่อยู่ฝั่งที่เธอนั่งคาดให้ “เดี๋ยวก็รู้ครับ” ปุริมบอกแผ่วเบา แล้วสตาร์ทรถขับออกไปจากลานจอดรถมุ่งหน้าออกสู่ถนนใหญ่ มือข้างหนึ่งกำพวงมาลัยอีกข้างยื่นเข้าไปรั้งมือบางมากุมไว้ สายตาของเขาจับจ้องออกไปข้างหน้านอกกระจกรถ เขาขับอย่างเอื่อยเฉื่อยเพราะการจราจรติดขัด ยังดีหน่อยเมื่อวานเขาโทรนัดคุยกับเพื่อนรักที่เป็นนายอำเภออยู่เขตบางรัก และนัดไว้แล้วจะถึงตอนไหนก็ได้ ทำให้เขาไม่ต้องกังวลใจมาก “พี่ปุ๊จะไม่บอกปานจริงๆ ใช่ไหมคะ?” เธอยังสงสัยอยู่ เห็นเขาเอาแต่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่คนเดียว ผิดกับเธอที่เป็นกังวลใจยิ่งนัก ปุริมชลอรถเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถ หันหน้าไปมองคนหน้าสวย ที่ยังทำหน้าตางุนงง “อำเภอ!!...พี่ปุ๊มาทำไมคะ?” เธอยังนั่งอยู่ที่เบาะรถฝั่งตรงข้ามคนขับ เพราะยังสับสนอยู่ ไม่อยากคิดเองเออเองให้ใจฝ่อ “ลงมาได้แล้วครับ” ปุริมลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปฝั่งที่เธอนั่งอยู่ เขาเปิดประตูให้ แล้วจูงมือคนตัวหอมลงจากรถ พาเดินขึ้นบันไดไปหาเพื่อนรัก ป่านนี้คงรอเขาและเธอเป็นแน่ “มาแล้วเหรอวะ แกนัดฉันสิบโมงเช้า นี่มันจะบ่ายสองแล้วนะโว้ย” นายอำเภอหน้าตี๋นามว่าปิยะ เอ่ยเสียงดุเพื่อนรัก แต่สายตาของเขาเหลือบมองคนที่เพื่อนพามาด้วย คนนี่นะหรือที่มันจะจดทะเบียนสมรสด้วย มันจะเจอขอหาลักพาตัว และพรากผู้เยาว์หรือเปล่านะ “แกจะบ่นทำไมนักหนา ฉันก็มาแล้วไง” เหลือบสายตามองน้องน้อยที่ยืนก้มหน้า เขาเปลี่ยนจากกุมมือเธอมาเป็น ใช้แขนสอดเข้าช่องเอวคอดกอดเธอกระชับแน่น บอกเพื่อนเป็นนัยๆ ว่า เมียกูห้ามมอง “เอ่อๆ...เจริญเถอะมึง งั้นเชิญมึงนั่ง เชิญนั่งครับ” ปิยะเชื้อเชิญเพื่อนให้นั่งด้วยภาษาพระรามคำแหง แต่กับสาวน้อยข้างกายปุริม เขาเอ่ยเชื้อเชิญอย่างไพเราะเสนาะหู “ปานครับ ไอ้ปิยะเพื่อนพี่” ปุริมเลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่ง ส่วนตัวเขาก็เข้าไปนั่งข้างเธอ แล้วโน้มใบหน้าเข้าหากระซิบตรงข้างหู “สวัสดีค่ะ คุณปิยะ” เงยหน้ามองคนรักแล้วยิ้มหวานให้ เธอเพิ่งจะสังเกตเมื่อมองชายหนุ่มหน้าตี๋ชัดขึ้น ผู้ชายอะไรผิวขาวยังกับผู้หญิง หล่อแบบตี๋ๆ สูงใหญ่เท่าๆ กันกับปุริม “สวัสดีครับ...คุณ...” ชายหนุ่มยกมือไหว้ตอบหญิงสาว เขาจ้องมองเธอแบบไม่วางตา เธอสวยหวานใบหน้ารูปไข่ ดวงตากลมโต ตัวเล็กมาก คงจะสูงแค่ 155เซนติเมตร ผิดกับปุริมซึ่งมีความสูง 183เซนติเมตร ดูช่างแตกต่างกันเหลือเกิน “ปานประดับค่ะ จะเรียกปาน ก็ได้ค่ะ” เธอคุยกับเขาแล้วยิ้มให้นายอำเภอหนุ่มหน้าตี๋ “งั้น...พี่จะเรียกน้องปานนะครับ น้องปานต้องเรียกพี่ว่าพี่ยะนะ” ชายหนุ่มมองหน้าเจ้าหล่อนยิ่งเกิดความอิจฉาเพื่อนรักที่เจอนางฟ้านางสวรรค์ “ได้ค่ะ” เธอส่งยิ้มหวานให้คนที่นั่งตรงข้าม จนเกิดความรำคาญใจให้แก่ปุริมที่นั่งอยู่ข้างเธอ เขาหันไปมองหน้าหญิงสาวแล้วหันไปบ่นเพื่อนรัก “เมื่อไรมึงจะหยุดคุย และเลิกจ้องหน้าเมียกูสักที” คนหวงของรักเกิดความรำคาญและหึงน้องน้อย เลยโวยวายเสียงดังใส่เพื่อน “พี่ปุ๊ทำไมพูดแบบนี้คะ” สาวเจ้ากระซิบบอก แล้วยกมือเรียวบางขึ้นตีลงไปบนท่อนแขนหนาของแฟนหนุ่มหนึ่งที “ก็จริงนี่ครับ ดูมันสิ มองปานจนตาแทบจะถลนแล้ว” กระซิบบอกให้ได้ยินกันแค่สองคน แล้วลูบต้นแขนที่ถูกตีไปมาเพราะมันเจ็บแสบๆ คันๆ “มึงไม่ได้พรากผู้เยาว์แน่นะ ไอ้ปุ๊?...” ปิยะเงยหน้าขึ้นจากเอกสารของปุริมและปานประดับ จ้องมองเพื่อนรักและหญิงสาว เธอเอาแต่ก้มหน้าดูยังไงก็เด็กอยู่ดี คิดว่าคงจะสิบเจ็ดหรือสิบแปดปีแน่ “ไอ้ยะ!...กูจะพรากผู้เยาว์ได้ไงวะ เมียกู 22แล้วนะโว้ย” ยกมือชี้หน้าเพื่อน ไอ้ปากหมา ด่าปิยะในใจ “นายเอาบัตรประชาชนมาดูสิ น้องปานครับพี่ขอบัตรประชาชนด้วยครับ” ปิยะเอ่ยเสียงเข้มสะบัดใส่ปุริม แต่กับคนหน้าหวานเขาเอ่ยเสียงนุ่มนวลบอกเธอ “จะจดทะเบียนเป็นเมียพี่แล้วนะครับ” ปุริมกุมมือน้อยไว้ เขาเอ่ยกระซิบเบาๆ ตรงข้างแก้มเนียน “พี่ปุ๊...ทำไมไม่บอกปานก่อนคะ ปานจะได้โทรไปบอกพ่อกับแม่ที่บ้านด้วย” เธอหันไปมองชายหนุ่ม แววตาของเธอสั่นระริกเพราะมีน้ำตาเอ่อล้นเล็กน้อย นึกถึงพ่อแม่บุญธรรมของตัวเองขึ้นมาก็รู้สึกใจหาย เขาทั้งสองคงไม่คิดยินดียินร้ายกับชีวิตของเธอมากนัก ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาแล้ว เธอก็เป็นได้แค่ลูกที่เก็บมาเลี้ยง ตั้งแต่พ่อแม่บุญธรรมได้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง เขาทั้งสองก็เลี้ยงดูเธอแบบทิ้งๆ ขว้างๆ เธอไม่เคยได้รับความรักจากท่านทั้งสองเลยตั้งแต่มีน้องสาวต่างพ่อแม่ ยังคงมีแต่พ่อบุญธรรมเท่านั้นที่เมตตาเธอ แต่ท่านก็ทำอะไรมากไม่ได้ ถึงท่านทั้งสองจะไม่ได้มอบความรักความเอาใจใส่ให้เธอมากนัก แต่เธอก็รักและเคารพท่านทั้งตลอดมา “ปานโตแล้วนะครับ ไม่จำเป็นต้องบอกใครต่อใครอีก” ชายหนุ่มยกแขนขึ้นพาดลงไปบนหัวไหล่ของหญิงสาว แล้วรั้งให้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา ชายหนุ่มรู้มาตลอดว่าหญิงสาวมีต้นกำเนิดมาจากไหน แต่เขาไม่คิดรังเกียจเธอเลย ยิ่งสงสารและรักเธอมากขึ้น “พี่ปุ๊ อายพี่ยะบ้างสิคะ” เธอหันไปมองคนหน้ามึน ใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อเพราะความเขินอายต่อสายตาของนายอำเภอหนุ่มที่มองมายังเขาและเธอ “ปุ๊มึง 36ปีเต็ม น้องปาน 22ปีกับอีกสี่เดือน” นายอำเภอหนุ่มเงยมองหน้าปุริมและหันไปมองหญิงสาว เธอนั่งขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของแฟนหนุ่ม “มึงจะย้ำถามทำไมวะ ก็รู้แล้วว่ากู 36ปี” เขาโมโหอยากชกหน้าเพื่อนเหลือเกิน ย้ำเสียจริงเรื่องอายุเนี่ย “ก็กูกลัวคนอื่นคิดว่ามึงจะพรากผู้เยาว์ ดูสิขนาดกูเห็นยังคิดเลยว่ามึงพาลูกมาจดทะเบียนเสียอีก” ปิยะพูดล้อเล่นกับปุริม “ไอ้ปิยะ มึงรีบทำเอกสารเร็วๆ เลย พูดมากจริง” ปุริมชี้หน้านายอำเภอ พูดมาได้ พ่อกับลูก “เอ่อๆ...มึงเซ็นตรงนี้ ส่วนน้องปานเซ็นตรงนี้นะครับ” นายอำเภอหน้าตี๋ยื่นปากกาให้ปานประดับและปุริม พร้อมทั้งชี้ตรงจุดที่จะให้เซ็น พอหนุ่มสาวเซ็นเสร็จ เขาก็ช่วยเซ็นเป็นสักขีพยานให้ แล้วยื่นเอกสารทะเบียนให้ปุริมและปานประดับคนละใบ ทั้งบอกให้เก็บไว้ “กูยินดีกับมึงด้วยนะปุ๊ มีเมียเป็นตัวเป็นตนสักที น้องปานด้วยนะครับพี่ดีใจด้วย” ปิยะเอ่ยบอกเพื่อน แล้วหันไปบอกปานประดับ “ขอบใจวะ” ปุริมเอ่ยพร้อมทั้งพยักหน้าให้นายอำเภอ “ขอบคุณค่ะพี่ยะ” ปานประดับยกมือไหว้ปิยะ กว่าทั้งสองจะออกมาจากอำเภอบางรักได้ก็ปาเข้าไปหกโมงเย็น ปุริมขับรถออกจากกรุงเทพมุ่งหน้าสู่ถนนบางนาขับไปเรื่อยเฉื่อยจนถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่เขาจองไว้ “หิวหรือยังครับสาวน้อย?” ชายหนุ่มจอดรถตรงหน้าร้านอาหารหรู เอ่ยถามเสียงนุ่มหู “พี่ปุ๊ล่ะคะ หิวหรือยัง?” เธอหันไปมองเขา “ลงไปหาอะไรทานกันเถอะ พี่หิวจนไส้จะขาดอยู่แล้ว...” “ค่ะ...” เธอลงจากรถ มือบางโดนชายตัวโตจับจูงให้เดินตามหลัง เขาพาเธอไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่อยู่ในมุมสงบเงียบ มองไปรอบๆ เป็นทุ่งนา และมองไปไกลๆ จะเห็นแสงสีไฟของตัวเมืองกรุงเทพ บรรยากาศได้อารมณ์ดีแท้ “เชิญนั่งครับ เจ้าหญิงของพี่” เขาเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่ง ส่วนตัวเขาก็เดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับเธอแล้วกวักมือเลือกพนักงานเสิร์ฟเข้ามา ชายหนุ่มกระซิบบอกให้พนักงานทำอะไรบางอย่างให้ โดยที่หญิงสาวไม่อาจรู้ได้ “ขอบคุณค่ะ” เปรยบอกชายหนุ่ม “ดื่มแชมเปญนะครับ?” เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามอย่างสุภาพ “อะไรก็ได้ค่ะ” ปานประดับยิ้มหวาน แล้วหันไปมองสำจรวจภายในห้องอาหาร บรรยากาศที่นี่นับว่าดี สวยหรูมีระดับ ถ้าไม่ใช่ชายหนุ่มพามา เธอคงไม่มีโอกาสได้มานั่งอยู่ตรงนี้แน่ “เดี๋ยวพี่มานะครับ” ปุริมลุกขึ้นเดินไปหาผู้จัดการ พูดคุยกันเล็กน้อย แล้วเดินย้อนกลับมาที่โต๊ะ ในมือของเขามีอะไรบางอย่างติดมือมาด้วย เขาแอบซ่อนไว้ข้างหลัง ก่อนที่เขาจะพาเธอมาที่ร้านอาหาร ปุริมได้โทรจองและนัดแนะให้ผู้จัดการทำเตรียมรอไว้ก่อนแล้ว ทั้งชุดโต๊ะถูกจัดไว้ตรงมุมส่วนตัว บนโต๊ะมีโคมเทียนจุดส่องแสงระยิบระยับ พร้อมทั้งช่อดอกไม้ที่เขาต้องการ “พี่ให้ปานครับ” ชายหนุ่มนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ อมยิ้มตรงมุมปาก ชูดอกไม้ไปตรงหน้า เขารู้ว่าเธอชอบกุหลาบสีแดงมากแค่ไหน “พี่ปุ๊ทำอะไร” หญิงสาวนั่งตัวตรง ยังตกใจงงในการกระทำของเขา เธอรับเอาช่อดอกไม้แล้วสูดดมเอากลิ่นหอม ก้มมองคนตัวโตตรงหน้าที่ยังคุกเข่าอยู่ “ชอบไหมครับ?” เสียงเข้มเอ่ยถามน้องน้อย “ชอบค่ะ...พี่ปุ๊ลุกขึ้นได้แล้วอายใครต่อใครมั่งสิคะ” เธอพยักหน้านวล แล้วหันไปมองคนรอบข้างที่หันมามองโต๊ะของเธอกับเขา “ปาน...แต่งงานกับพี่นะครับ” ชายหนุ่มยังอยู่ในท่าเดิม มือล้วงเข้ากระเป๋ากางเกง แล้วชูกล่องกำมะหยี่สีดำให้เธอดู พร้อมทั้งเปิดออก “พี่ปุ๊...” เสียงหวานสั่นเครือ เธอดีใจเหลือเกินจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ก้มมองแหวนเพชรสีเงิน มีเม็ดเพชรเล็กๆ สามเม็ดเรียงติดกันส่องแสงสวยงาม “ว่าไงครับแต่งงานกับพี่นะคนดี” ปุริมยังคุกเข่า ใบหน้าของเขาเงยมองหน้าของสาวเจ้า “ค่ะ...ปานจะแต่งงานกับพี่ปุ๊” เสียงของเธอสั่นๆ ตาดวงโตเต็มไปด้วยน้ำตา แววตาที่มองหน้าเขานั่นสั่นระริก “พี่ใส่ให้นะคนดี” ชายหนุ่มบรรจงสวมแหวนเพชรทองสีเงินลงบนนิ้วนางข้างขวา จรดริมฝีปากตรงผิวเนียนบนหลังมือบาง “อย่าร้องไห้สิคนดีพี่รักปานเท่าชีวิตพี่ ดวงใจของปานให้พี่ดูแลนะครับ พี่อยากสร้างชีวิตกับปาน อยากมีปานเดินตามพี่ไปทุกที่” คนร่างหนาเอ่ยปลอบขวัญ แล้วยื่นมือเข้าไปเช็ดน้ำตาให้กับคนตัวน้อยที่เอาแต่ร้องไห้ “พี่ปุ๊...ปานก็รักพี่ปุ๊ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้านวลที่ยังมีคราบน้ำตา เธอรับคำขอของเขาทันที ร่างบางผวาเข้ากอดคนตัวโตที่ยังนั่งคุกเข่าอยู่ หญิงสาวพร้อมที่จะเป็นช้างเท้าหลังเดินตามเขาที่เป็นเสมือนช้างเท้าหน้าให้กับเธอ......
已经是最新一章了
加载中