ตอนที่ 5 ทำร้ายใจทุกคน   1/    
已经是第一章了
ตอนที่ 5 ทำร้ายใจทุกคน
ตอนที่ 5 ทำร้ายใจทุกคน นับตั้งแต่วันที่ทะเลาะกันจนกระทั่งวันนี้ก็ครบ 1 อาทิตย์พอดีที่นนทกานต์ไม่ได้กลับบ้าน เขาให้เหตุผลกับบิดาว่างานที่โรงแรมกำลังยุ่งจึงต้องนอนค้างที่โรงแรม แต่เวลามีงานทางสังคมเขาก็จะส่งคนมารับภรรยาสาวออกไปที่งานด้วยกันแล้วก็ทำเหมือนกับว่ารักกันมากอย่างคู่ที่เรียกว่าข้าวใหม่ปลามัน และในวันนี้ก็เช่นกันเขาโทรมาบอกเธอว่ามีงานแต่งลูกสาวท่านทูตที่โรงแรมและเขากับเธอก็ถูกเชิญไปร่วมงานด้วย แล้วเมื่อมาถึงโรงแรมเธอก็ขึ้นไปนั่งรอเขาที่ห้องสูทชั้นบนซึ่งเคยใช้เป็นห้องหอและเป็นที่พักชั่วคราวของสามีหนุ่ม ปณิดาเดินไปหยุดยืนมองออกไปนอนหน้าต่างใสซึ่งสามารถมองเห็นวิวในยามค่ำคืนของกรุงเทพฯได้เป็นอย่างดี แต่จิตใจของเธอหาได้จดจ่ออยู่กับภาพเบื้องหน้าไม่ สายตาคู่สวยเหม่อมองออกไปอย่างไร้จุดหมายและคิดว่าตัวเองมีค่าแค่เพียงขึ้นเตียงเพื่อให้ความสุขกับเขาและเป็นเครื่องประดับที่เขาสวมใส่เวลาออกงานสังคมเท่านั้น เธอไม่คิดอยากได้ชีวิตคู่แบบนี้เลย สิ่งที่หญิงสาวใฝ่ฝันก็คือการได้รับความรักจากสามี การเอาใจใส่ดูแลและปกป้องเวลาเธอมีภัย แต่สิ่งนี้ไม่มีเลยในชีวิตจริงของเธอ “คิดอะไร” เสียงห้ามทุ่มที่ดังแทรกเข้ามาในความคิดทำให้ปณิดาสลัดความคิดของตนเองทิ้งแล้วหันไปมองคนต้นเสียงก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ “เปล่า แค่มองอะไรเรื่อยเปื่อย” “พูดจากับสามีตัวเองให้มันไพเราะกว่านี้หน่อยสิ หัดมี ค่ะ ขา เสียบ้าง” เขาพูดพร้อมกับเดินเข้ามาไปหาหญิงสาว “ฉันจะพูดดีๆกับคนที่พูดดีด้วยเท่านั้น” เธอบอกแล้วเดินเลี่ยงเขาออกมา แต่นนทกานต์ก็คว้าข้อมือบางเอาไว้แล้วดึงร่างบางเข้ามาหาและขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นที่ลำคอระหงนั้นว่างเปล่าไม่มีสร้อยเพชรที่เขาสั่งให้ใส่มาด้วย ชายหนุ่มจึงถามออกไป “แล้วทำไมไม่ใส่สร้อยมา หรือมาคนของผมไม่ได้บอก” “บอก แต่ฉันไม่ชอบใส่ ฉันไม่อยากเป็นตู้เพชรเคลื่อนที่” ปณิดาพยายามหลบสายตาคมที่จ้องมองมาเพราะสบตากับเขาทีไรหัวใจของเธอต้องเต้นแรงทุกครั้งไป นนทกานต์มองภรรยาสาวนิ่งก่อนจะปล่อยร่างบางเป็นอิสระแล้วเดินเข้าไปในห้องนอนก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับกล่องกำมะหยี่สีแดงในมือแล้วเปิดมันออกตรงหน้าหญิงสาว มันคือสร้อยเพชรเส้นเล็กที่มีจี้เพชรรูปหัวใจประดับอยู่ ปณิดารู้สึกชื่นชอบในความน่ารักและสวยเก๋ของมันมาก แต่เธอก็ไม่แสดงออกได้แต่มองอยู่นิ่งๆ “ผมซื้อมาตอนไปติดต่อธุรกิจที่เมืองนอก ไม่คิดว่าจะได้ใช้” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉยก่อนจะหยิบสร้อยขึ้นมาสวมให้หญิงสาว “ขอบคุณค่ะ” เธอยกมือขึ้นรูปแล้วกล่าวขอบคุณ “ผมแค่ให้ยืมเท่านั้นไม่คิดจะให้ แล้วของทุกอย่างที่ผมซื้อหามาให้คุณก็ในฐานะภรรยา แต่ถ้าหย่ากันแล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์ในของเหล่านั้น” “ฉันก็ไม่อยากได้ของๆ คุณแม้แต่ชิ้นเดียวเหมือนกัน เชิญเอาของของคุณคืนไปได้เลย” ปณิดากัดฟันแน่นด้วยความโกรธและเตรียมจะถอดสร้อยคืน แต่เสียงอีกฝ่ายก็ตวาดออกมา “ห้ามถอดตอนนี้! แล้วถ้าคุณไม่เชื่อฟังผมละก็คุณคงไม่ได้ลงไปที่งานเลี้ยงแน่” เขามองเธอด้วยสายตาที่บ่งบอกว่าเขาเอาจริงแน่ถ้าเธอไม่เชื่อฟัง และปณิดาก็ไม่อยากที่จะให้เรื่องราวมันยืดเยื้อจึงเชิดหน้าขึ้นใส่ชายหนุ่ม “รับรองว่าฉันจะไม่แตะต้องสมบัติของคุณแม้แต่ชิ้นเดียว” พูดจบหญิงสาวก็เดินออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว...นี่เขาเห็นเธอเป็นพวกบ้าสมบัติยังงั้นเหรอ ถึงได้คิดตลอดเวลาว่าเธอจะมาแย่งสมบัติไปจากเขา...คิดแล้วน้ำตามันก็พาลจะไหลออกมาด้วยความน้อยใจ ส่วนนนทกานต์ก็ยืนอมยิ้มอย่างพอใจเมื่อทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเจ็บช้ำน้ำใจได้ จากนั้นก็รีบเดินตามหญิงสาวออกไป และเมื่อนักธุรกิจหนุ่มกับภรรยาสาวสวยก้าวเข้าไปในงานก็สามารถดึงดูดสายตาของแขกเหรื่อในงานได้เป็นอย่างดี และสายตาคู่หนึ่งก็มองมายังปณิดาด้วยแววตาที่อิจฉาริษยาบวกกับโกรธแค้นอย่างมาก จากนั้นเจ้าของดวงตาคู่นั้นก็เดินนวดนาดเข้าไปหาบุคคลทั้งคู่ก่อนจะส่งยิ้มหวานฉ่ำให้กับชายหนุ่มพร้อมกับเอ่ยทักอย่างดีใจ “สวัสดีค่ะนนท์ พิมพ์คิดแล้วว่าคุณต้องมางานนี้ด้วย” พิมพ์นาราขยับเข้าไปยืนเบียดกับร่างสูงอย่างจงใจและทำท่าทางไม่สนใจกับหญิงสาวที่มาด้วย ซึ่งปณิดาก็ยังคงยืนนิ่งดูเชิงอยู่เงียบๆ “แล้วคุณล่ะมากับใคร” คำถามที่ดูเหมือนจะห่างเหินนั้นทำให้พิมพ์นาราชะงักไปนิดหนึ่งก่อนจะคลี่ยิ้มแล้วตอบกลับไป “มากับเพื่อนนะค่ะ พอดีเพื่อนของพิมพ์เขาเป็นเพื่อนทางฝ่ายเจ้าสาว เขาก็เลยชวนพิมพ์มาเป็นเพื่อนเพราะเขาเห็นว่าพิมพ์กำลังเหงา” พิมพ์นาราบอกเสียงอ่อยและปรายตามองชายหนุ่มหวานเยิ้ม
已经是最新一章了
加载中