ตอนที่ 7/2
“อย่าทำแบบนี้พิมพ์นารา” นนทกานต์ดันร่างบางนั้นออกห่างพร้อมกับมองด้วยสายตาขึงขังอย่างไม่พอใจ จนหญิงสาวต้องแปลกใจเพราะทุกครั้งที่เธอคลอเคลียเขามันก็ทำให้เธอได้ไปจบลงที่ห้องพักไม่ของเขาก็ของเธอ แต่เวลานี้เขากลับทำท่าเหมือนรังเกียจ แต่คนอย่างพิมพ์นาราไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ
“พิมพ์ว่าเราไปหาที่คุยกันเงียบๆสองคนดีกว่านะคะ แล้วพิมพ์ก็รู้สึกเวียนหัวแล้วด้วยค่ะ” เธออิงซบเขาอีกครั้ง แต่เขาก็ผลักเธออกห่างเช่นเดิมทำให้หญิงสาวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที ใบหน้าที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามเริ่มงอง้ำและบึ้งตึง
“ทำไมคะรังเกียจพิมพ์หรือคะ” น้ำเสียงนั้นแสดงถึงความน้อยใจ
“เปล่า แต่ตอนนี้ผมแต่งงานแล้ว และคงยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงอื่นอีกไม่ได้” นนทกานต์ตอบเสียงเรียบและนั้นก็คือสิ่งที่ออกมาจากความคิดและจิตใจของเขาจริงๆ แล้วใบหน้าของหญิงสาวที่เขากำลังนึกถึงอยู่ก็ผุดขึ้นมาทำให้ร่างสูงลุกขึ้น
“ผมขอตัวก่อน แล้วถ้าคุณขับรถกลับไม่ไหวก็บอกคนของผมได้เลย เขาจะเปิดห้องพักให้คุณเอง” พูดจบร่างสูงก็เดินจากไป ทิ้งให้พิมพ์นารานั่งเน้นเคี้ยวเน้นฟันอยู่ด้วยความแค้นเคือง มือเรียวกำแน่นก่อนจะเค้นเสียงออกมาอย่างอาฆาตแค้น
“นังปณิดาฉันจะทำให้แกต้องกระอักเลือดเลยทีเดียว และแกก็ต้องกระเด็นออกไปจากบ้านหลังนั้นอย่างสุนัขตัวหนึ่งคอยดู”
“ขอโทษครับ ขอผมนั่งด้วยคนได้ไหมครับคุณพิมพ์นารา” เสียงที่ดังขึ้นเหมือนกับรู้จักเธอเป็นอย่างดีทำให้พิมพ์นาราหันไปมองอย่างแปลกใจ และเธอก็พบว่าเจ้าของเสียงนั้นเป็นชายหนุ่มรูปร่างสูงและหล่อเหลามากเสียด้วย แล้วใบหน้าที่บึ้งตึงและอารมณ์ที่ขุ่นมัวก็จางหายไป แต่ก็ยังไหวเชิงขมวดคิ้วถามออกไป
“ดิฉันแน่ใจว่าไม่เคยรู้จักคุณมาก่อน”
“เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่ากับที่ผมสนใจคุณหรอกครับ ผมมาพักที่นี่บ่อยและเห็นคุณกับคุณนนทกานต์บ่อยเช่นกัน ผมอยากรู้จักสาวสวยอย่างคุณมาก แต่ก็ติดที่คุณมีเจ้าของแล้ว” ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มอย่างกรุ่มกริ่มพร้อมกับนั่งลงโดยไม่รอให้อีกฝ่ายอนุญาต
“แต่ตอนนี้คุณก็รู้จักฉันแล้วไม่ใช่เหรอคะ” พิมพ์นารายิ้มพร้อมกับจ้องมองหน้าอีกฝ่าย เธอชินเสียแล้วกับคำพูดหวานๆเหล่านี้ของพวกผู้ชายที่เข้ามาจีบเธอ แต่เธอก็จะเลือกคุยด้วยกับคนที่เธอพอใจเท่านั้น
“ครับ แต่อยากรู้จักให้ลึกซึ้งมากกว่านี้” ชายหนุ่มพูดอย่างมีเลศนัยและคนที่ผ่านโลกมามากอย่างพิมพ์นาราก็รู้ดีว่ามันหมายความว่ายังไง
“ถ้างั้นเราก็คงจะต้องเปลี่ยนสถานที่ทำความรู้จักกันหน่อยแล้วมั้งคะ” หญิงสาวยิ้มที่มุมปากอย่างมีเสน่ห์แล้วยกแก้วบรั่นดีในมือชูขึ้นตรงหน้า
“ครับ ด้วยความเต็มใจ” เขาบอกยิ้มๆแล้วยกแก้วเหล้าในมือขึ้นมาชนกับแก้วของหญิงสาว จากนั้นก็เทมันลงคอรวดเดียวหมดก่อนจะพากันเดินออกไปจากบาร์แห่งนั้น
พิมพ์นารานั่งจ้องมองนามบัตรในมือที่ได้มาเมื่อคืนพร้อมกับกระตุกยิ้ม “นายอรรถนพ กิจมงคล นายหัวเจ้าของฟาร์มมุกและร้านเพชรชื่อดังในจังหวัดภูเก็ต หึ หึ น่าสนใจใช่เล่น แต่เป้าหมายของฉันคือนนท์คนเดียวเท่านั้น” พูดจบเธอก็เก็บนามบัตรยัดใส่ในกระเป๋าถืออย่างไม่ใส่ใจนัก จากนั้นก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำและกลับมาล้มตัวลงนอนเพราะศึกรักที่นายหัวรูปหล่อมอบให้เมื่อคืนมันทำให้หญิงสาวอ่อนเพลีย ก็จะไม่ให้เพลียได้ยังไงกว่าจะเสร็จศึกก็เกือบรุ่งเช้า
“ถือว่าเล่นแก้เหงาแล้วกัน แต่ฉันรักคุณคนเดียวนะคะนนท์” พิมพ์นารายิ้มที่มุมปากก่อนจะหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
กองปราบปรามพิเศษ
สันต์ภพมองซองสีน้ำตาลที่พันตำรวจตรีวีรภาพหัวหน้าหน่วยของเขายื่นมาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่ยื่นมาให้
“งานด่วนเพิ่งมาถึงผมเมื่อเช้านี้ และผมเห็นว่างานนี้ต้องใช้หน่วยของคุณถึงจะเหมาะ” ผู้เป็นหัวหน้าบอกพร้อมกับเอนหลังพิงพนักเก้าอี้จ้องมองหน้าลูกน้องหนุ่มซึ่งกำลังหยิบซองเอกสารขึ้นมาเปิดก่อนจะอ่านผ่านตาอย่างคราวๆแล้วเงยหน้าขึ้นมองหน้าอีกฝ่าย
“นายอรรถนพ กิจมงคล ผมเคยได้ยินกิตติศัพท์ของมันมาเหมือนกัน รู้สึกว่าจะเป็นเอเยนตัวใหญ่ในการค้าของผิดกฎหมายทุกชนิดรวมทั้งค้ามนุษย์ด้วยกันเอง เรียกได้ว่าเป็นผู้มีอิทธิพลมากคนหนึ่งของภาคใต้”
“ใช่ มันใหญ่มากจนข้าราชการบางคนไม่กล้าที่จะแตะต้องมันเพราะมันใช้เงินปิดหูปิดตาเอาไว้ ผมถึงได้บอกไงว่างานนี้เหมาะกับหน่วยของคุณ” วีรภาพบอกพร้อมกับยิ้ม เขารู้ดีว่าลูกน้องของเขาคนนี้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่และตรงไปตรงมามาก
“ขอบคุณครับที่ไว้ใจหน่วยงานของผม ผมจะทำงานนี้ให้ดีที่สุดให้สมกับที่หัวหน้าไว้ใจและผมให้สัญญาว่าจะกำจัดคนเลวคนนี้ให้ได้เพื่อแผ่นดินไทย” สันต์ภพยืนยันอย่างหนักแน่น
“ดีมาก งั้นคุณไปจัดการได้เลย”
“ครับ ผมขอตัวนะครับ” ผู้กองหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วโค้งทำความเคารพอีกฝ่ายก่อนจะหยิบแฟ้มขึ้นมาแล้วเดินออกจากห้องของผู้ที่เป็นหัวหน้าไป